บุกตรวจศูนย์เรียนรู้ เปิดรักษาโรค แจกน้ำมันกัญชา ไม่มีใบอนุญาต

ปกครองแม่ริม บุกตรวจศูนย์เรียนรู้ฯ เปิดรักษาทุกโรคแถมแจกน้ำมันกัญชาฟรี พบไม่มีใบอนุญาตสถานพยาบาล

วันที่ 6 ม.ค. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สาธารณสุขอำเภอ และ ตำรวจ สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่กลางป่าบ้านที่บ้านป่าแง หมู่ 7 ต.ขี้เหล็ก หลังได้รับการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมว่ามีการเปิดให้บริการรักษาโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังมีการแจกจ่ายน้ำมันกัญชาและยาสมุนไพรที่มีส่วนผสมของกัญชาให้กับผู้ป่วย

จากการตรวจสอบพบอาคารชั้นเดียวที่เปิดใช้สำหรับการรักษา มีเตียงคล้ายเตียงสำหรับผู้ป่วยภายในห้อง 2 เตียง และ นอกห้องอีก 5 เตียง พร้อมทั้งเข็มฉีดยา แอลกอฮอล์ เวชภัณฑ์อื่น ๆ รวมทั้งเครื่องบดยาและยาสมุนไพรทั้งชนิดผงและชนิดแคปซูลบรรจุในซองสีน้ำตาลมากกว่า 100 ซอง ในพื้นที่เดียวกันยังพบบ้านไม้ชั้นเดียว ภายในเก็บยาสมุนไพรหลายชนิดจำนวนมาก

การตรวจสอบครั้งนี้มีนางอรุณวรรณ นวลจันทร์ อายุ 49 ปี แสดงตัวเป็นผู้ดูแลสถานที่ โดยบอกว่าได้เปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ชนเผ่าสมุนไพรนวลจันทร์ รักษาผู้ป่วยจากโรคต่าง ๆ ด้วยศาสตร์แพทย์แผนไทย มีทั้งการนวด ครอบแก้ว และ ให้ยาสมุนไพร พร้อมยอมรับว่ายังไม่มีใบอนุญาตประกอบการสถานพยาบาล แต่อยู่ระหว่างการขออนุญาต โดยเปิดรักษาฟรี ไม่คิดค่าบริการ แต่หากผู้ป่วยหรือญาติจะมอบให้ก็จะรับเป็นทรายหรือปูนซีเมนต์เพื่อนำมาใช้พัฒนาพื้นที่

ส่วนการแจกน้ำมันกัญชาและสมุนไพรที่มีส่วนผสมของกัญชา ยอมรับว่าได้แจกจริง แต่แจกเพียงครั้งเดียว โดยเป็นน้ำมันกัญชาที่เหลือจากการวิจัยของอาจารย์ชื่อดังคนหนึ่งที่ตนเองเป็นลูกศิษย์และอาจารย์ได้มอบให้ ยืนยันไม่มีการซื้อขาย

นางอรุณวรรณ บอกด้วยว่า เปิดศูนย์การเรียนรู้เพื่อช่วยนเหลือคนทุกข์ยาก ไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการ พร้อมกับได้ถ่ายทอดวิธีการปรุงยาสมุนไพรและการนวดรักษาอาการโรคต่าง ๆ ให้กับญาติผู้ป่วย จะได้ไม่ต้องเดินทางไกลบ่อย ๆ

นายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม เปิดเผยว่า ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่ริมได้รับการร้องเรียน จึงเข้าตรวจสอบพบว่าสถานที่ดังกล่าวเปิดให้การรักษาพยาบาลอย่างชัดเจนโดยที่ไม่มีใบอนุญาต ขณะที่ก่อนหน้านี้ยังปรากฏภาพนางอรุณวรรณในสังคมออนไลน์ที่ถ่ายภาพกับต้นกัญชา รวมทั้งยังมีป้ายไวนิลประกาศแจกจ่ายน้ำมันกัญชาฟรี เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา จึงรวมรวมข้อมูลและประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ
ซึ่งก็พบหลักฐานทั้งวัสดุอุปกรณ์เวชภัณฑ์ รวมทั้งบัญชีเวชระเบียนผู้ป่วยที่ระบุถึงค่าใช้จ่ายในการรักษา โดยนอกจากความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล ยังต้องตรวจสอบการเข้าใช้พื้นที่ป่าบริเวณดังกล่าวว่าถูกต้องหรือไม่อีกด้วย ซึ่งการตรวจค้นวันนี้ได้ลงบันทึกไว้ หลังจากนี้จะเปิดโอกาสให้นำหลักฐานต่าง ๆ มาแสดง หากไม่มีก็จะดำเนินคดีไปตามความผิด

ร่วมแสดงความคิดเห็น