หลายคนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการยื่นภาษี ไม่ว่าจะเป็เงินเดือนเท่าไหร่ต้องเสียภาษี แล้วต้องไปเสียภาษีประเภทไหน หรือที่หลาย ๆ คนอยากรู้มากที่สุด คือการคำนวณภาษีที่ต้องจ่าย วันนี้เชียงใหม่นิวส์จะมาไขข้องสงสัย รวมทุกคำถามเกี่ยวกับการยื่นภาษี ใครที่ไม่เข้าใจส่วนไหนหาคำตอบกันได้ที่นี่เลย
1.ใครบ้างที่ต้องยื่นภาษี ?
ตอบ : สำหรับคนโสด ถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือนจำนว
2. ต้องยื่นภาษีประเภทไหน?
ตอบ : เงินได้พึงประเมินแบ่งออกเป
ประเภทที่ 1 : พนักงานเงินเดือน คือ เงินจากการจ้างแรงงาน เงินโบนัส บำเหน็จ บำนาญ เงินค่าที่พัก ค่าอาหาร หรือสวัสดิการอื่น ๆ ที่ได้รับจากนายจ้าง
ประเภทที่ 2 : ฟรีแลนซ์ คือ ค่าจ้างรับทำงานให้ ค่าทำงานที่ให้เป็นครั้งๆ ค่านายหน้า บำเหน็จ บำนาญ โบนัส ค่าอื่นๆ ที่ตีค่าเป็นเงินได้
ประเภทที่ 3 : ศิลปิน คือ ค่าแห่งกู๊ดวิล (ค่าความนิยม) ค่าลิขสิทธิ์และทรัพย์สินทา
ประเภทที่ 4 : ดอกเบี้ยต่าง ๆ เช่น ดอกเบี้ยจากพันธบัตร ดอกเบี้ยเงินฝาก รวมถึงเงินปันผล จากการปันผลกำไร ประโยชน์อื่นใดที่ได้จากบริ
ประเภทที่ 5 : ค่าเช่า คือ เงินหรือประโยชน์ที่ได้จากก
ประเภทที่ 6 : ค่าวิชาชีพ คือ ค่าวิชาชีพอิสระ ซึ่งประกอบไปด้วย 6 อาชีพเท่านั้น และหักค่าใช้จ่ายตามจริงหรื
ประเภทที่ 7 : การรับเหมา คือ เงินที่ได้จากการรับเหมา ซึ่งรวมทั้งค่าแรงและค่าของ
ประเภทที่ 8 : รายได้อื่น ๆ คือ เงินได้อื่น ๆ ที่ไม่เข้าข่ายเงินได้พึงปร
3. เงินได้สุทธิคืออะไร? มาจากไหน?
ตอบ : เงินได้สุทธิคือ การนำรายได้ทั้งปี มาหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน ก็จะได้เป็น “เงินได้สุทธิ” นั่นเอง ซึ่งสำหรับมนุษย์เงินเดือน สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
4. จะคำนวณภาษียังไง?
ตอบ : วิธีการคำนวณภาษีคือ “เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี”
5. สามารถใช้อะไรลดหย่อนได้บ้า
ตอบ : ค่าลดหย่อนมีด้วยกัน 6 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มที่ 1 ลดหย่อนส่วนตัว และครอบครัว
- ค่าลดหย่อนส่วนบุคคล 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนจากคู่สมรสที่ไม่
มีเงินได้ 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบุตร คนละ 30,000 บาท (ไม่จำกัดจำนวนบุตร)
- ค่าฝากครรภ์ และค่าคลอดบุตร
หักตามจริง สูงสุดไม่เกินปีละ 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป 30,000 บาทต่อคน
* หากเราคลอดบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไปในปี 2562 จะสามารถหักค่าลดหย่อนได้ 120,000 บาท (ค่าลดหย่อนบุตร 30,000 บาท + ค่าลดหย่อนบุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป 30,000 บาท + ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร 60,000 บาท)
- ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดา-มาร
ดา(ตัวเอง) และบิดา-มารดาคู่สมรส ได้คนละ 30,000 บาท มากสุด 4 คน ไม่เกิน 120,000 บาท
– บิดา-มารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ในปีภาษีนั้นไม่เกิน 30,000 บาท - ค่าอุปการะคนพิการหรือคนทุพ
พลภาพ 60,000 บาทต่อคน
*หากผู้พิการเป็นบิดา-มารดา-
* หรือหากคู่สมรสเป็นผู้พิการ
กลุ่มที่ 2 ลดหย่อนกลุ่มประกัน
- ประกันสังคม ลดหย่อนตามจริง ไม่เกิน 9,000 บาท
- ประกันชีวิตทั่วไป หรือเงินฝากเพื่อสงเคราะห์ช
ีวิต
- ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
- หากคู่สมรสมีประกันชีวิตและ
ไม่มีรายได้ ก็สามารถนำเบี้ยประกันที่จ่ ายไป มาหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 10,000 บาท
*เงินฝากเพื่อสงเคราะห์ชีวิตหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนท ี่ฝากเงินจริง แต่รวมกับเงินที่ได้จ่ายค่า เบี้ยประกันชีวิตแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
(1) เบี้ยประกันสุขภาพตัวเอง
- ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อปี แต่เมื่อรวมเบี้ยประกันชีวิ
ตแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท (*สถานการณ์ปกติ) - *ข้อมูลพิเศษ ในช่วงโควิดนี้รัฐมีมาตรการเพิ่มวงเงินหักลดหย่อน ค่าเบี้ยประกันสุขภาพจากเดิมตามจ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท เป็นไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับการหัก ลดหย่อนค่าเบี้ยประกันชีวิตและเงินฝากประเภทสงเคราะห์ชีวิตแล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีภาษี 2563 เป็นต้นไป
(2) เบี้ยประกันสุขภาพบิดา-มารด
- ลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
เงื่อนไข
- บิดา-มารดาต้องไม่มีเงินได้
พึงประเมินในปีภาษีที่ขอหัก ลดหย่อนเกิน 30,000 บาทขึ้นไป - ลูกสามารถใช้สิทธิได้หลายคน
โดยหารเฉลี่ยกัน เช่น ลูก 2 คน ร่วมกันซื้อประกันสุขภาพให้ บิดา จำนวน 15,000 บาท ดังนั้นลูกแต่ละคนสามารถนำเ บี้ยประกันสุขภาพบิดา ไปลดหย ่อนภาษีได้คนละ 7,500 บาท
กลุ่มที่ 3 ลดหย่อนกลุ่มเงินออม และการล
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
RMF / กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) / กองทุนครูโรงเรียนเอกชน
- หักลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
2. ประกันชีวิตบำนาญ 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
3. กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดปีละ 13,200 บาท
- (1)+(2)+(3) รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
4. กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) สูงสุด 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
- ปี 2562 จะเป็นปีสุดท้ายที่สามารถนำ
เงินลงทุนใน LTF มายื่นหักลดหย่อนภาษีได้
กลุ่มที่ 4 กลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ดอกเบี้ยบ้าน ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
จะบ้านกี่หลังก็ได้ และในกรณีที่เป็นการกู้ร่วมกันหลายคน ให้แบ่งดอกเบี้ยคนละเท่าๆกัน แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท - บ้านหลังแรกปี 2559 ไม่เกิน 120,000 บาท
ถ้าบ้านหรือคอนโดนั้นราคาไม่เกิน 3,000,000 บาท และต้องซื้อภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2559 สามารถใช้สิทธิตั้งแต่ปีภาษี 2558 – 2559 เป็นต้นไป ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี (ปีละ 4%) ลดหย่อนได้ 20% ของค่าบ้าน (รวม 600,000 บาท) - ค่าธรรมเนียมจากการรับชำระเงินด้วยบัตรเดบิต
เป็นสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้เพิ่มสำหรับกรณีคนทำธุรกิจ ที่มีการจ่ายค่าธรรมเนียมในการรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต ตั้งแต่ช่วง 1 พ.ย. 2559 – 31 ธ.ค. 2564 ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ประเภทที่ 5-8 (ค่าเช่า วิชาชีพอิสระ รับเหมา และ ธุรกิจอื่นๆ) จำนวนไม่เกิน 30 ล้านบาทต่อปี ถึงจะได้รับสิทธิประโยชน์นี้ไป - ช้อปดีมีคืน ไม่เกิน 30,000 บาท ซื้อสินค้าและบริการได้ 3 กลุ่ม ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2563 ได้แก่
- สินค้าและบริการในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
- สินค้า OTOP ที่ขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
- หนังสือและค่าบริการหนังสือในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
กลุ่มที่ 5 ลดหย่อนกลุ่มบริจาค
- บริจาคให้พรรคการเมือง ไม่เกิน 10,000 บาท
- เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา สนับสนุนการกีฬา โรงพยาบาลของรัฐ และเงินบริจาคเพื่อประโยชน์สาธารณะหักได้ 2 เท่า แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
- กลุ่มเงินบริจาคทั่วไป เช่น บริจาคเงินเพื่อสาธารณกุศล ได้จำนวนตามที่บริจาคจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
6. ยื่นภาษีที่ไหนได้บ้าง?
ตอบ : สำหรับใครที่มีรายได้จากเงินเดือนและโบนัส โดยไม่มีรายได้ประเภทอื่น ให้เตรียมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) พร้อมเอกสารประกอบการลดหย่อนภาษี เมื่อเตรียมเอกสารครบแล้ว ให้รีบยื่นแสดงภาษีให้เร็วที่สุด ซึ่งขยายเวลาให้ยื่นได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 63 – 31 ส.ค. 63 โดยยื่นได้หลายช่องทาง ได้แก่
- ยื่นแบบแสดงภาษีด้วยตัวเองท
ี่กรมสรรพากร - ยื่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรม
สรรพากร - ยื่นผ่านแอปพลิเคชั่น RD Smart Tax แต่ต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซ
ต์กรมสรรพากรก่อน
7. ใบ 50 ทวิ คืออะไร?
ตอบ : คือ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นหลักฐานที่ผู้มีเงินได้
8. ยื่นภาษีไม่ทัน ทำยังไงดี?
ตอบ : สามารถยื่นย้อนหลังด้วยตนเอ
ข้อมูลจาก : Salehere
ร่วมแสดงความคิดเห็น