ภาครัฐยกระดับความเข้มงวด มาตรการในช่วงวิกฤตฝุ่น ลดจุดความร้อน (Hotspot) 20% ตามเป้าหมาย

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยในการแถลงข่าว สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 และความคืบหน้าการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทยพิจารณากำชับทุกจังหวัด ยกเว้นภาคใต้ ในการดำเนินมาตรการควบคุมมการเผาในที่โล่งทุกประเภท ในระหว่างวันที่ 21 – 23 มกราคม 2564 เนื่องจากการคาดการณ์สภาพอากาศในช่วงเวลาดังกล่าว จะมีลมสงบ ความเร็วลมลดลง และการระบายตัวของฝุ่นละอองต่ำ ซึ่งจะทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ฝุ่นละอองที่มักพบเกินมาตรฐานในช่วงต้นปีของทุกปี ภาครัฐได้มีการรับมือสถานการณ์ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยกระดับความเข้มงวดของมาตรการในช่วงวิกฤต เพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดจากยานพาหนะ การเผาในที่โล่ง โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงการเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ส่งผลให้ในปี 2563 ฝุ่นละอองมีค่าเฉลี่ยรายปีอยู่ที่ 23  มคก./ลบ.ม. ลดลงจากปีก่อนที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 25 – 26 มคก./ลบ.ม. และจุดความร้อน (Hotspot) ลดลง 20% ตามเป้าหมายเมื่อเปรียบเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา

นายอรรถพล กล่าวว่า ทส. ได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการยกระดับความเข้มงวดของมาตรการในช่วงวิกฤต ได้แก่ ด้านคมนาคม มีการตรวจควันดำอย่างเข้มข้นในพื้นที่ กทม. และชุมชนเมือง ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก กรุงเทพมหานคร และ คพ. กวดขันไม่ให้มีการนำรถควันดำมาสัญจรบนท้องถนน เข้มงวดตรวจสภาพรถยนต์ ลดราคาซ่อมบำรุงรถเก่า เพื่อเป็นการรณรงค์ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนส่ง ประชาชน และผู้ที่สนใจเข้าไปใช้บริการบำรุงดูแลรักษาเครื่องยนต์ และขอความร่วมมือลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ด้านการศึกษา ร่วมกับกระทรวงศึกษาพิจารณาหยุดโรงเรียน ในพื้นที่ค่าฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งได้มีการประกาศมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพสำหรับเด็ก ด้านสาธารณสุข ได้แจ้งเตือนวิธีการป้องกันและวิธีดูแลสุขภาพ พร้อมจัดทำคู่มือแนวทางการลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจาก PM2.5 สำหรับสถานศึกษากำหนดแนวทางพิจารณาการปิดโรงเรียน

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า สำหรับภาคการเกษตร ได้สั่งลดการเผาในพื้นที่เกษตร โดยเฉพาะช่วงที่มีฝุ่นสะสมมา (ข้าว อ้อย และพืชไร่อื่นๆ) โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการกำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมเกษตรกรลดการเผาในพื้นที่ และมีการใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุการเกษตรทดแทนการเผา จัดการเชื้อเพลิงไฟป่า ชิง เก็บ ลดเผา ด้านอุตสาหกรรม สามารถลดพื้นที่เผาอ้อยได้ 80% โดยส่งเสริมตัดอ้อยสดและในฤดูการผลิตปี 2563/2564 ให้โรงงานรับอ้อยไฟไหม้ไม่เกิน 20% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด และควบคุมการปล่อยฝุ่นจากโรงงานอุตสาหกรรมและสิ่งก่อสร้าง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตได้มีการขอความร่วมมือผู้ประกอบการงดเว้น หรือลดกระบวนการที่ก่อให้เกิดฝุ่น ด้านพลังงาน มีการลดราคาน้ำมันกำมะถันต่ำช่วงฤดูฝุ่น และกำหนดมาตรฐานน้ำมันและเครื่องยนต์ปลอด PM2.5 ภายในปี 2567 ทั้งนี้ ได้ประสานทุกจังหวัดติดตามสถานการณ์ PM2.5 และมอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการสถานการณ์ โดยใช้อำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายที่มีอยู่ เช่น พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2550 เพื่อควบคุมพื้นที่หรือควบคุมแหล่งกำเนิด

ร่วมแสดงความคิดเห็น