(มีคลิป) นน.4 (ท่าวังผา) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตรวจยึด/จับกุมการลักลอบตัดโค่นต้นไม้และชักลากออกมาจากป่าห้วยผึ้ง ท้องที่บ้านน้ำฮาว หมู่ที่ 7 ตำบลจอมพระ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เวลาประมาณ 15.20 น. เจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ โดยการอำนวยการสั่งการของนายประสิทธิ์ ท่าช้าง ผอ.สจป.ที่ 3 สาขาแพร่ , นายชาตรี สัทธรรมนุวงค์ ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า , นายภูริทัศน์ แมดเมือง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นน.4 (ท่าวังผา) ,  นายลอย ใจจูน ผอ.ศูนย์ป่าไม้น่าน นายพิษณุพันธ์ วงค์ขันธ์ ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สจป. ที่ 3 สาขาแพร่ ,ร.ต.อ.สมบัติ แก้วกล้า เจ้าหน้ำที่ตำรวจ ชุด กก.4 บก.ปทส จ.น่าน พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นน.4 (ท่าวังผา) พร้อมพวกพวกได้ร่วมกันจับกุมนายสิทธิชัย (สงวนนามสกุล) บ้าน หมู่ที่ 7 บ้านน้ำฮาว ตำบลจอมพระ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน พร้อมด้วยของกลาง

  1. รถยนต์ บรรทุก 6 ล้อ (รถดั้ม) ยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำเงิน ทะเบียนน่าน จำนวน 1 คัน
  2. ไม้เหียงท่อน จำนวน 9 ท่อน ปริมาตร 1.60 ลบ.ม. ค่าเสียหายของรัฐคิดเป็นเงิน 48,000 บาท
  3. เลื่อยโซ่ยนต์ ยี่ห้อ ARTO รุ่น CS 2800 E จำนวน 1 เครื่อง พร้อมด้วยอุปกรณ์ ในการตัดไม้

หลังจากที่ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีการลักลอบตัดโค่นต้นไม้และชักลากออกมาจากป่าห้วยผึ้ง ท้องที่ บ้านน้ำฮาว หมู่ที่ 7 ตำบลจอมพระ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน

จึงได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ออกตรวจลาดตะเวนตามที่รับแจ้งดังกล่าวขณะที่ตรวจมาตามเส้นทางสายบ้านน้ำฮาว – บ้านก๋ง ถึงบริเวณปากทางเข้าป่าห้วยผึ้ง พบรถบรรทุก 6 ล้อ ของกลาง ได้บรรทุกขนไม้ท่อนออกมาจากป่า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้และขอตรวจสอบไม้ที่อยู่หลังกระบะของรถดังกล่าว โดยมีนายสิทธิชัย (สงวนนามสกุล) บ้าน หมู่ที่ 7 บ้านน้ำฮาว ตำบลจอมพระ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน คนขับรถแสดงตัวเป็นเจ้าของไม้และเป็นเจ้าของรถคันที่บรรทุกไม้ ดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบพบไม้เหียง ท่อน จำนวน 9 ท่อน อยู่ในกระบะท้ายของรถ ไม้ทั้งหมดมีลักษณะใหม่-สด ถูกตัดทอนด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ ไม่มีร่องรอยว่าได้ผ่านการใช้ประโยชน์เป็นสิ่งปลูกสร้างหรือเครื่องใช้มาก่อน ที่หน้าตัดด้านหัวและท้ายของไม้ทั้งหมดไม่มีรูปรอยดวงตราใดๆของทางราชการตีประทับไว้แต่อย่างใด

จากการสอบถามนายสิทธิชัย ให้การว่าไม้ท่อนทั้งหมดตนได้ซื้อมาจากชาวเขาเผ่าม้งไม่ทราบชื่อ เป็นราษฎรบ้านป่ากลาง อำเภอปัว จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดิน สปก.4-01 ของนายโง่น สมมุติ และชายชาวม้งเป็นผู้ตัดโค่นไม้ในที่ดิน สปก.แปลงดังกล่าวขายให้ตนในราคา 1,000 บาท เป็นไม้เหียง จำนวน 3 ต้น ตนจึงได้ใช้เลื่อยโซ่ยนต์ของตนทำการตัดทอนเป็นท่อนๆได้จำนวน 9 ท่อน โดยมีชายชาวม้ง จำนวน 3 คนได้ช่วยตนขนไม้ทั้งหมดขึ้นรถบรรทุก ชายชาวม้งทั้งสามคนจำหน้าได้แต่ไม่รู้จักชื่อ ทราบเพียงว่าเป็นราษฎรบ้านป่ากลาง

หลังจากนั้นนายสิทธิชัย ฯ จึงได้พาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตอของไม้ทั้งหมดโดยเชิญนายโง่น สมมุติ เจ้าของที่ดินไปเป็นผู้นำชี้ขอบเขตแปลงที่ดิน สปก.4-01 แปลงที่ 14 ระวาง สปก.ที่ 2019 สารบัญทะเบียนที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน อำเภอท่าวังผา

จากการสอบถามนายโง่น สมมุติ ให้การรับว่าไม้ทั้งหมดถูกตัดโค่นและนำออกมาจากที่ดินแปลง สปก.ของตนจริง
ในส่วนรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ คันที่นายสิทธิชัย ขับ และบรรทุกไม้อยู่นั้น เป็นรถยนต์บรรทุก(ของกลาง) นายสิทธิชัย ฯให้การว่าเป็นรถคันดังกล่าวของตนและไม่เคยขายให้ใครมาก่อน

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตัวสอบแล้วเห็นว่าไม้ที่เกิดขึ้นเองในที่ดิน สปก.ยังเป็นไม้หวงห้าม ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 การครอบครองไม้เหียงท่อนดังกล่าวเป็นความผิดจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแกนายสิทธิชัย ฯ ว่า มีความผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11 ฐาน “ ทำไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ฯ “, มาตรา 69 ฐาน “ มีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตฯ “ มาตรา 70 ฐาน “ รับไว้ด้วยประการใดๆ ซ่อนเร้น จำหน่าย หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้ที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิดกฎหมาย “ จึงได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางทั้งหมด นำส่ง พงส.สภ.ท่าวังผา เพื่อดำเนินคดี กับนายสิทธิชัย ฯ พร้อมพวกทั้งเร่งหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น