(มีคลิป) หนุ่มเมาสุรา เดินชักปืนขู่คนในซอย จนพากันตื่นกลัว ตร.ต้องนำกำลังล้อมจับ สุดท้ายเป็นปืนไม่มีลูกกระสุน เจ้าตัวเผยโดนหาเรื่องก่อนจึงนำมาข่มขู่

ช่วงค่ำคืนวานนี้ (24 ก.พ.64) รายงานข่าวแจ้งว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ กว่า 20 นาย ได้ร่วมกันเข้าพื้นที่เพื่อระงับเหตุ จากกรณีกล้องวงจรปิดจับภาพขณะที่ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 40-50 ปี เดินเข้ามากลางซอยราชวิถี ซ.2 ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ โดยลักษณะการแต่งกายสวมกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ เสื้อแจ็คเก็ตแขนยาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ เดินเข้ามาในซอย ในลักษณะหาเรื่องแล้วใช้อาวุธปืนจ่อใส่คนในซอยที่กำลังยืนสูบบุหรี่ และนั่งดื่มสุรา จนชาวบ้านโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา

โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงจุดเกิดเหตุ ได้นำกำลังออกค้นหาที่พักของชายคนดังกล่าว ที่เดินออกมาถือปืนข่มขู่ชาวบ้านโดยพบว่าได้พักอยู่ในหอพักภายในถนนมูลเมืองซอย 6 ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุที่ชักปืนขู่ชาวบ้าน ประมาณ 100 เมตร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก ในการเข้าตรวจสอบเนื่องจากตัวของผู้ต้องหาที่ก่อเหตุมีอาวุธปืน

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่สังเกตเห็น ชายในลักษณะคล้ายกับที่ปรากฏอยู่ในคลิปวงจรปิด เดินอยู่ภายในหอพัก จึงได้บุกเข้าจับกุมโดยทันที ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมตัวนั้น ชายคนดังกล่าวก็มีอาการขัดขืน พร้อมกับยังหัวหมอ กล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ และรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่หลายคน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ค้นตัว ก็พบอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 เหน็บอยู่ที่เอวของผู้ต้องสงสัย จึงนำออกมาดูปรากฏว่าเป็นเพียงปืนเปล่า ไม่มีลูกกระสุนบรรจุอยู่ด้านใน

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ไปค้นห้องแต่จากการตรวจค้นห้องพักนั้น ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด รวมไปถึงลูกกระสุนปืน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวน ที่ห้องปฏิบัติการสายตรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายสพล จินดาธรรม อายุ 44 ปี เป็นชาว อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยได้มาทำงานเป็นช่างซ่อมหอพักที่พักอยู่ ส่วนปืนที่เอามาก่อเหตุนั้น เป็นปืนของคนรู้จักที่นำมาฝากไว้ โดยไม่มีลูกปืนแต่อย่างใด

โดยก่อนเกิดเหตุตนได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อเบียร์ และเมื่อขับผ่านที่ซอยดังกล่าว ซึ่งเป็นร้านเหล้าติดกันหลายๆ ร้าน ซึ่งตนได้ถูกคนที่อยู่ภายในซอยหาเรื่องก่อน ตนจึงไปหยิบปืนที่ห้อง ซึ่งไม่มีลูกกระสุนมาขมขู่ เพื่อที่จะสั่งสอนโดยไม่ได้เจตนาที่จะทำร้ายใครแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา กับผู้ก่อเหตุในฐาน “พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ,มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และได้ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น