คาดเป็นมืออาชีพวางแผนมาอย่างดี คนร้ายเจาะตู้ ATM ด้าน ผบช.ภ.5 สั่งการณ์เร่งตามจับตัว

คืบหน้าคนร้ายงัดเจาะตู้ ATM ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาจอมทอง ล่าสุด ผบช.ภ.5 สั่งทีมเจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนแกะรอยคนร้าย คาดมีไม่ต่ำกว่า 2 คน และคนร้ายน่าจะเป็นมืออาชีพ มีการวางแผนล่วงหน้ามาดี พร้อมทั้งเร่งตรวจสอบคดีที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็นข้อมูล ยันไม่ปล่อยให้ลอยนวล คาดได้ตัวในเร็ว ๆ นี้

วันที่ 26 ก.พ.64 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีเหตุการณ์คนร้ายบุกเจาะตู้เอทีเอ็มของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาจอมทอง 5 ถนนสายเชียงใหม่-ฮอด ต.ข่วงเปา อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยคนร้ายได้เงินสดไปประมาณ 2.1 ล้านบาทหลบหนีไป โดยทราบว่าได้ก่อเหตุในช่วงค่ำคืนของวันที่ 24 ก.พ.64 ที่ผ่านมา และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการตรวจสอบหลังทราบเรื่อง ในช่วงเช้าของวันที่ 25 ก.พ.64 โดยเบื้องต้นนั้น คาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุนั้น น่าจะลงมือไม่ต่ำกว่า 2 คน และทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบเบาะแสในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งรวบรวมหลักฐานทั้งหมด  เพื่อดำเนินการติดตามจับกุมตัวคนร้าย ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้ววานนี้

ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับคดีนี้ ทางด้าน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ภายหลังจากการประชุมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง และได้รับทราบรายงานของคดีที่เกิดขึ้นนี้แล้ว ก็ได้มีการสั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้เร่งดำเนินการตรวจสอบหลักฐานและเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ พร้อมทั้งได้มีการตรวจสอบร่องรอยของคนร้ายในที่เกิดเหตุ โดยเบาะแสสำคัญที่พบในขณะนี้ คาดว่าคนร้ายที่ก่อเหตุน่าจะมาก่อเหตุไม่ต่ำกว่า 2 คน เนื่องจากมีร่องรอยเท้าที่อยู่ในละแวก พบว่ามีร่องรอยที่ไม่ตรงกัน และคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ก็คาดว่าน่าจะมีการวางแผนกันมาเป็นอย่างดี หรือเป็นคนร้ายที่มีความชำนาญในการก่อเหตุค่อนข้างสูง เพราะหลังจากที่ก่อเหตุแล้วนั้น คนร้ายก็ได้มีการอำพรางร่องรอย และหลักฐานลายนิ้วมือในที่เกิดเหตุ เพื่อไม่ให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบร่องรอยได้

ส่วนพฤติการณ์การก่อเหตุนั้น ทางคนร้ายที่ลงมือก็ได้มีการเตรียมอุปกรณ์มาเป็นอย่างดี ด้วยการใช้แก็สเผาเพื่อเจาะตู้เอทีเอ็มที่มีความหนา โดยคนร้ายจะต้องมีความชำนาญ รวมไปถึงรู้ช่องทางที่จะก่อเหตุเป็นอย่างดี และรู้ว่าหลังจากก่อเหตุแล้วจะต้องหลบหนีไปอย่างไร นอกจากนี้ คนร้ายก็น่าจะเคยก่อเหตุมาแล้วด้วย ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็กำลังตรวจสอบว่าพฤติการณ์ลักษณะนี้ มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในลักษณะคล้ายกันนี้ในจังหวัดเชียงใหม่ที่ใดบ้าง เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาประกอบเป็นเบาะแสในการติดตามตัวคนก่อเหตุ พร้อมทั้งจะมีการสอบสวนพยานแวดล้อมเกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุ ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่ค่อนข้างอุกอาจ คนร้ายก่อเหตุอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงต้องมีการเร่งมือในการติดตามจับกุมตัวคนร้าย โดยหากมีหลักฐานและเบาะแสที่ชัดเจน ก็น่าจะติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุทั้งหมดได้ไม่นาน และสามารถจับกุมตัวได้อย่างแน่นอน

ร่วมแสดงความคิดเห็น