รฏาวัญ โต้ อนุทิน ปิดกั้น “อาหารเป็นยา” จุดเด่นอาหารไทย ด้วยประกาศห้ามนำพืชและสัตว์ 80 ชนิดมาทำอาหาร

นางรฏาวัญ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วย ว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ประธานองค์กรภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า สมุนไพรไทยมีสรรพคุณทางยารักษาโรคหลายชนิด มีบันทึกในคัมภีร์ตำรับยาแผนไทยโบราณชัดเจน แต่ถูกควบคุมด้วยกฎหมายหลายฉบับ จนไม่ได้รับการพัฒนาและนำมาใช้รักษาโรคอย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลไทย ประเทศไทยจึงพึ่งยาเคมีจากประเทศตะวันตก มารักษาโรคให้คนไทยทั้งประเทศ ปีละหลายแสนล้านบาท

ปี2562 มีพระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร ลดความสำคัญตำรับยาแผนไทย เป็นแค่ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเท่านั้น

ล่าสุด26 กุมภาพันธ์ 2564 กระทรวงสาธารณสุข ก็มีประกาศห้ามนำพืชและสัตว์ 80 ชนิดที่ประชาชนชาวไทยและกลุ่มชาติพันธ์ุทั้งหลาย ใช้เป็นอาหารใช้เป็นยาพื้นบ้านรักษาโรคมาตั้งแต่บรรพบุรุษหลายช่วงอายุคน โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

การประกาศห้ามใช้พืชและสัตว์ 80 ชนิดมาทำอาหาร ก็เท่ากับปิดกั้น”อาหารเป็นยา” ที่เป็นจุดแข็งของประเทศไทย ที่อาหารไทยจะกลายเป็นยาป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับประชาชนทั่วโลก ซึ่งสอดคล้องกับกระแสนิยมในสังคมโลกที่หันกลับมาใช้สมุนไพรรักษาโรคแทนยาเคมีกันมากขึ้น เนื่องจากปลอดภัยและมีผลกระทบน้อยกว่า ดิฉันยังไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีพี่น้องชนเผ่าที่รับประทานยำใบอ่อนโกฐจุฬาลำพา ใส่น้ำมันงาเป็นอาหารแล้วเสียชีวิตเลย น่าสงสัยว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่ในประกาศฉบับนี้หรือไม่

นางรฎาวัญ กล่าวอีกว่า การออกกฏหมายและการออกประกาศตามกฏหมายแต่ละฉบับ ได้มีการปรึกษาหารือกับผู้ ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยที่รู้จริง ด้านภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ตำรับยาแผนไทยโบราณและสมุนไพรไทยเป็นอย่างดีแล้วหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ที่เป็นคณะกรรมการพิจารณาออกกฏหมายและออกประกาศต่างๆตามกฏหมาย มีจำนวนน้อยกว่าผู้ที่มีความรู้ด้านภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยจึงแพ้มติตลอดมา กรณีนี้น่าจะเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย และผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ถูกลดความสำคัญลงเรื่อยๆ ทั้งๆที่มีคุณประโยชน์มากมายมหาศาล แต่ถูกละเลยจากผู้มีอำนาจหน้าที่

“หรือวันนี้อาหารไทยและตำรับยาสมุนไพรไทยจะพ่ายแพ้ตำรับยาเคมี จากโลกตะวันตกในยุคนี้เสียแล้ว? กฎหมายและประกาศข้อบังคับตามกฎหมาย ที่ออกมาควบคุมไม่ให้อาหารไทยเป็นยา และตำรับยาสมุนไพรไทยล้วนเป็นฝีมือคนไทยที่มีอำนาจหน้าที่ใน กระทรวง ทบวง กรม ในรัฐบาลและในรัฐสภาทั้งสิ้น แต่ผู้ที่ได้รับผลกระก็คือ ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือกทุกคน และผลเสียที่สำคัญที่สุด ก็คือประชาชนชาวไทยเสียโอกาสในการผลิตยาและใช้ยาแผนไทยของเราเอง ป้องกันและรักษาโรคอย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องพึ่งพายาจากต่างประเทศ”นางรฎาวัญ กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น