(มีคลิป) สำนึกผิดแล้ว หญิงวัยรุ่นก่อเหตุขโมยของ ในร้านขายเสื้อผ้าหน้า มช. เมินกล้องวงจรปิด ล่าสุดโร่เข้าพบเจ้าของร้าน พร้อมนำของมาคืนแล้ว ด้านเจ้าของร้านยันไม่เอาความ ตักเตือนกำชับอย่าก่อเหตุเช่นนี้อีก

วันที่ 5 มี.ค.64 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีเหตุการณ์ที่ทางเจ้าของร้านขายเสื้อผ้า “ANAKIN SHOP” สาขาหน้า มช. ได้มีการโพสต์คลิปและข้อความเพื่อติดตามตัวหญิงสาววัยรุ่น อายุประมาณ 20-25 ปี ที่ได้ก่อเหตุขโมยกางเกงที่ขายภายในร้าน โดยไม่เกรงกลัวกล้องวงจรปิด และทางร้านได้บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และต่อมาได้มีการนำเสนอข่าวออกไป เพื่อให้เจ้าตัวรับทราบและทางเจ้าของร้านก็ได้ให้โอกาสกับทางหญิงสาวคนดังกล่าว นำสินค้าที่ก่อเหตุขโมยไปมาคืน โดยจะไม่เอาความตามที่ได้มีการนำเสนอเรื่องราวไปแล้วนั้น

 

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ทางผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจากทาง น.ส.วรารัตน์ นิ่มไพบูลย์ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน “ANAKIN SHOP” สาขาหน้า มช. ว่าช่วงเย็นวานนี้ (4 มี.ค.64) ทางหญิงวัยรุ่นคนดังกล่าว ได้เดินทางมายังร้านของตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับนำกางเกงที่ได้ก่อเหตุขโมยไปมาคืน แต่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นคนรับของเอง เนื่องจากเดินทางมาทำธุระที่ กทม. แต่ได้ให้ทางพนักงานที่อยู่ประจำร้าน เป็นผู้รับคืนของที่ถูกขโมยไป พร้อมทั้งได้มีการว่ากล่าวตักเตือนกับทางหญิงสาวที่ก่อเหตุไป และทางหญิงสาวก็รู้สึกสำนึกผิด พร้อมทั้งยืนยันว่าจะไม่ก่อเหตุอีก ก่อนที่จะได้มีการโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เพื่อแจ้งความคืบหน้าถึงกรณีเหตุการณ์ที่ทางหญิงสาววัยรุ่นรายนี้ ได้นำของมาคืนลงในโลกโซเชียล ซึ่งภายหลังก็มีผู้พบเห็นเรื่องราว ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นอีกเช่นเคย

โดยในเวลาต่อมา ทางผู้สื่อข่าวได้ติดตามไปตรวจสอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังร้านดังกล่าว ซึ่งมี น.ส.ธุมพวดี ทองด้วง อายุ 24 ปี พนักงานประจำร้าน พร้อมทั้งได้เล่าว่า ก่อนหน้านี้น้องผู้หญิงที่ปรากฎในคลิป ได้เดินเข้ามาที่ร้าน พร้อมกับหิ้วถุงสีน้ำตาลใส่กางเกงที่ได้ขโมยไปมาด้วย เมื่อมาถึงร้านเห็นตนอยู่ก็รีบเอ่ยคำขอโทษ พร้อมทั้งแสดงตัวว่าเป็นบุคคลที่ก่อเหตุขโมยของไป อีกทั้งยังขอให้ช่วยลบข่าวเนื่องจากมีคนทักมาไปหาน้องเป็นจำนวนมาก แต่ทางตนก็โทรศัพท์ไปหาทางพี่เจ้าของร้าน เนื่องจากเดินทางไป กทม. แต่ทางพี่เจ้าของร้านก็เพียงแค่อยากฝากไว้ให้เป็นบทเรียน ไม่ให้น้องผู้หญิงคนนี้ไปก่อเหตุเช่นนี้กับที่อื่นอีก เพราะมันไม่คุ้มกับการขโมยของราคาเพียง 200-300 บาท แต่ต้องมาเสียประวัติ เสียอนาคตในชีวิต

นอกจากนี้ จากการพูดคุยกับทางน้องผู้หญิงที่ก่อเหตุ ทางเจ้าตัวยังอ้างว่าเจ้าตัวป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แต่ในความคิดของตน คิดว่าการที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าก็ไม่น่าจะมาก่อเหตุเช่นนี้ จนทำให้คนอื่นเดือดร้อน และเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งก่อนหน้านี้ทางพี่เจ้าของร้าน ก็ได้ทราบข้อมูลมาก่อนหน้านี้ว่า คนก่อเหตุเป็นใคร เนื่องจากก่อนหน้านี้ น้องผู้หญิงคนนี้ก็ได้ไปก่อเหตุลักษณะเช่นเดียวกันนี้ไว้หลายร้าน โดยล่าสุดที่จะมาก่อเหตุที่ร้าน ก็เคยไปก่อเหตุที่ร้านขายชุดชั้นในตามร้านในย่านสันติธรรม และทางเจ้าของร้านก็จับได้พร้อมทั้งเดินตามไปที่รถ และยังพบว่ามีเสื้อผ้าอยู่ในรถจำนวนเยอะมาก ซึ่งเป็นของที่ได้ก่อเหตุมา แต่ทางน้องผู้หญิงก็อ้างแบบเดียวกันว่า ตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่น้องผู้หญิงนำของมาคืนแล้ว ทางพี่เจ้าของร้านก็ไม่ได้ติดใจเอาความกับน้องคนนี้ เพราะเห็นว่ายังเด็กอยู่ แต่ก็ได้มีการว่ากล่าวตักเตือน และไม่อยากให้ไปก่อเหตุ หรือเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

ขณะที่ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยัง น.ส.วรารัตน์ นิ่มไพบูลย์ เจ้าของร้าน บอกว่า เนื่องจากตนได้เดินทางมาทำธุระที่ กทม. ภายหลังจากที่ตนได้รับการติดต่อจากทางน้องพนักงานที่ร้าน ว่าน้องผู้หญิงที่ก่อเหตุได้นำของมาคืนแล้ว พร้อมทั้งได้พูดคุยกับตนผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งตนก็ได้มีการพูดคุยกับน้องผู้หญิงคนนี้ผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งจากการสอบถามทางน้องผู้หญิง ก็ทราบว่าทางน้องผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว และยังเคยมาซื้อเสื้อผ้าที่ร้านของตน โดยตนก็ได้พูดจาตักเตือนกับน้องผู้หญิงคนนี้ไป พร้อมทั้งบอกด้วยว่าตนไม่ได้ติดใจเอาความ แต่อยากให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นบทเรียน เพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุหรือกระทำการในลักษณะเช่นนี้อีก เพราะผลที่ตามมาก็จะตกสู่ตัวเอง ทำให้ตัวเองเสื่อมเสียและเดือดร้อนกับคนรอบข้าง

ร่วมแสดงความคิดเห็น