(มีคลิป) “ป.มิตร” จัดเสวนาเครือข่ายหมู่บ้านชุมชนพัฒนาตนเองระดับตำบล รุ่น 13 พื้นที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ผลักดันกฏหมายให้ กม.ได้ค่าเหนื่อย และมีอำนาจมากยิ่งขึ้น

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 5 มี.ค. 2564 ที่หอประชุมบ้านแพะพัฒนา ต.เขื่อนผาก อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้จัดโครงการเสวนาเครือข่ายหมู่บ้านชุมชน บริหารจัดการพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืนระดับตำบล ครั้งที่ 13 โดยมีนายมิตร ใจบุญตระกูล ปลัดอำเภอพร้าว หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมอำเภอพร้าว จ.เชียงใหม่ ในฐานะรองประธานสหพันธ์ปลัดแห่งประเทศไทย(ฝ่ายกฏหมาย) และในฐานะรักษาการประธานเครือข่ายหมู่บ้านชุมชนจัดการตนเองแห่งประเทศไทย พร้อมกับนายสุทัด เชื้อนาม กำนันตำบลเขื่อฝาก นายสังวาลย์ จันทร์ติ๊บ ผอ.รพ.สต.บ้านแพะพัฒนา ต.เขื่อนผาก พร้อมผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนแต่ละหมู่บ้านใน ต.เขื่อนผาก เข้าร่วมเสวนาดังกล่าวในฐานะคณะกรรมการหมู่บ้าน หรือเรียกว่า (กม.) และคณะกรรมการชุมชน (กช.) ซึ่ง กม.และ กช.เปรียบเสมือน ครม.หมู่บ้าน หรือ สภาชาวบ้าน ซึ่งการเสวนาดังกล่าวมีหัวข้อที่สำคัญคือ เรื่องปัญหาความเหลื่อมล้ำของคณะกรรมการหมู่บ้านและประชาชนฐานราก และการจัดตั้งเครือข่ายหมู่บ้านชุมชนบริหารจัดการพัฒนาตนเอง และผลักดันการออกกฏหมายเพื่อให้ กม.และ กช.ได้ได้รับค่าตอบแทน และให้มีอำนาจหน้าที่มากขึ้น

การเสวนาดังกล่าว ได้ให้ความรู้ความเข้าใจกับ กม.ของชาวบ้าน ต.เขื่อนผาก ที่ไม่ได้รับความสนใจรัฐบาลเท่าที่ควร เพราะ กม.ไม่ได้รับเงินเดือนจากรัฐบาลในการสนับสนุนในการทำหน้าที่มาตั้งแต่เริ่มจัดตั้งให้มี กม.มานานหลายสิบปีแล้ว มีการเสวนาถึงข้อเปรียบเทียนกับ อสม.หรือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ซึ่งวันนี้ อสม.ได้รับเงินเดือนแล้ว

บางช่วงในการเสวนา ต้องการผลักดันกฏหมาย ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารการปกครองและพัฒนาหมู่บ้าน พ.ศ….. เพื่อให้มีค่าตอบแทนกับ กม. และ กช.และให้มีอำนาจหน้าที่มากยิ่งขึ้นด้วย และที่สำคัญในการเสวนาดังกล่าว แบ่งกลุ่มแต่ละหมู่บ้าน เสนอปัญหาของชุมชนด้านอื่นๆด้วย เช่น ปัญหายาเสพติดในชุมชนด้วยเช่นกัน

การจัดการเสวนาดังกล่าวครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน คือ บริษัท ซี พี เอ็ม อโกร จำกัด และ บริษัท บุญพลกิจ จำกัด และชมรมพ่อค้าอำเภอพร้าว และ สมาชิกสภา อบจ.เชียงใหม่ ไม่ได้มีงบจากราชการหรืองบฯจากรัฐบาลเลยที่ดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนของภาคประชาชนของคณะกรรมการหมู่บ้าน หรือ กม.และ กช.ในครั้งนี้

นายมิตร ใจบุญตระกูล รองประธานสหพันธ์ปลัดแห่งประเทศไทย(ฝ่ายกฏหมาย) กล่าวว่า การทำงานลงพื้นที่ผ่านมาพบปัญหาการทำหน้าที่ของ กม.มีความปัญหาเรื่องสิทธิ์สวัสดิการจนเกิดการเหลื่อมล้ำทางสังคมในบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาประเทศ และปัญหายาเสพติด ปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติ และปัญหาด้านความแตกแยกทางสังคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการหมู่บ้าน หรือ กม.ได้ก่อตั้งขึ้นมาก่อนองค์กรใดๆในประเทศไทย เกิดขึ้นมาตั้งแต่หลังเลิกทาส ในรัชกาลที่ 5 มาพร้อมกับการกระจายอำนาจ และมีการตั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้าน และตั้ง กม.และ กช.ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ไม่ได้สิทธิด้านสวัสดิการ วันนี้จึงมารับฟังปัญหาและเสนอปัญหาดังกล่าวเพื่อนำเข้าสู่รัฐสภาและคณะรัฐมนตรีให้บัญญัติในรัฐธรรมนูญกำหนดอำนาจและสิทธิการมีส่วนร่วมการปกครอง บริหาร จัดการ และพัฒนาตนเองได้โดยตรงของคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) และคณะกรรมการชุมชน (กช.) และให้รัฐบาลส่งเสริม สนับสนุน ให้มีการกระจายอำนาจให้แก่ กม. และ กช. ร่วมทั้งเพื่อประชาชนฐานรากในหมู่บ้านและชุมชนเพื่อการพัฒนาที่เข็มแข็งมั่นคงและยั่งยืน รองประธานสหพันธ์ปลัดแห่งประเทศไทย(ฝ่ายกฏหมาย) กล่าว

ด้านนายสุทัด เชื้อนาม กำนันตำบลเขื่อฝาก กล่าวว่า การทำงานของ กม.และ กช.นั้น เป็นการทำงานใช้กำลังขับเคลื่อนแบบธรรมชาติของหมู่บ้านและชุมชนมานาน ดูแลปัญหาของชุมชนด้านต่างๆ ด้านศาสนา วัฒนธรรมชุมชน และด้านยาเสพติด ถึงแม้ว่าไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆตลอดมา แต่วันนี้ก็ต้องการให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ ลงมาดูแลชาวบ้านบ้าง จึงมีเวทีวันนี้เพื่อนำเสนอปัญหาทุกอย่างให้ทางเครือข่ายหมู่บ้านชุมชนจัดการตนเองแห่งประเทศไทยได้ทราบปัญหาทั้งหมด กำนันตำบลเขื่อฝาก กล่าว

ส่วนทางนายสังวาลย์ จันทร์ติ๊บ ผอ.รพ.สต.บ้านแพะพัฒนา ต.เขื่อนผาก กล่าวว่า การทำงานด้านสาธารณสุขของ อสม.ที่ได้ค่าตอบแทนถึงจะไม่มากแต่ก็เป็นขวัญกำลังใจ แต่ภาคประชาชน เช่น กม.และ กช.ก็ถือว่ามีความสำคัญที่จะดูแลทุกเรื่องในหมู่บ้าน หากมีค่าตอบแทนให้ กม.และ กช.ก็เป็นขวัญและกำลังใจด้วยเช่นกัน เชื่อว่าจะช่วยขับเคลื่อนในการทำหน้าที่ได้ดีมากยิ่งขึ้น การเดินหน้าของประเทศจะไปแบบก้าวกระโดดเลยก็เป็นได้ และจะได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชนได้มากขึ้นนั้นเอง ผอ.รพ.สต.บ้านแพะพัฒนา ต.เขื่อนผาก กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น