“พูนศิริ” ผงาดคว้า 3 แชมป์เสือภูเขา !! “นัฐนันท์” ดับเบิ้ลแชมป์สองล้อถนน “เสธ.หมึก” พอใจนักปั่นทำผลงานเจ๋ง

“พูนศิริ ศิริมงคล” ผงาดคว้า 3 แชมป์เสือภูเขา จากอิลิมิเนเตอร์ และครอสคันทรี่ ส่วน “วรินทร เพ็ชรประพันธ์” ได้ดับเบิ้ลแชมป์ ขณะที่ “นัฐนันท์ นนทะแก้ว” ได้ดับเบิ้ลแชมป์ถนนทั้งอินไลน์เรซ และไทม์ไทรอัล ในศึกสองล้อประเภทถนนและเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ สนามที่ 1 ที่ทองผาภูมิ ด้าน “เสธ.หมึก” พอใจภาพรวมนักกีฬาทำสถิติได้ดีขึ้น มีนักกีฬาหน้าใหม่สามารถก้าวขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ และอาจจะเรียกมาเก็บตัวฝึกซัอมร่วมกับนักปั่นทีมชาติเพื่อเตรียมสู้ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวีดนาม เผยหาก กกท. อนุมัติ สามารถดำนินการเก็บตัวได้ทันที

 

การแข่งขันจักรยานประเภทถนน ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ภูมิพล” และการแข่งขันจักรยานประเภทเสือภูเขา ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2564 สนามที่ 1 ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ New Normal เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ภายในบริเวณเขื่อนวชิราลงกรณ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นการแข่งขันวันสุดท้าย ในประเภทถนน อินไลน์เรซ และประเภทเสือภูเขา อิลิมิเนเตอร์ โดยได้รับเกียรติจาก พลเอกภพอนันฒ์ เหลืองภานุวัฒน์ รองประธานที่ปรึกษาสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วย พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมี นายวสันต์ กิมหวัง ปลัดเทศบาล ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ เป็นผู้กล่าวรายงาน

พลเอกเดชา กล่าวว่า หากมองในภาพรวมของการแข่งขันทั้ง 3 วันถือว่าน่าพอใจมาก นักกีฬาทั้งระดับเยาวชนและทีมชาติทำสถิติได้ดี มีการพัฒนาที่ดีขึ้น เกมการแข่งขันก็สนุก ที่สำคัญเราได้นักกีฬาหน้าใหม่ที่ทำเวลาดี ซึ่งอาจจะคัดมาเก็บตัวสมทบกับนักกีฬาทีมชาติไทยเพื่อเตรียมไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม ขณะที่นักกีฬาทีมชาติเองหลังจากได้ฝึกซ้อมตามโปรแกรมที่ผู้ฝึกสอนได้วางเอาไว้ ก็มาวัดผลกันในการแข่งขันสนามนี้ ส่วนสนามที่ 2 ที่จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 23-25 เมษายน ต้องติดตามดูกันว่าจะมีนักปั่นหน้าใหม่เพิ่มอีกหรือไม่ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมสมาคมกีฬาจักรยานฯ จึงได้จัดการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทยแต่ละปีมากถึง 28 สนาม เนื่องจากสมาคมฯ มียุทธศาสตร์ในการเฟ้นหานักกีฬาหน้าใหม่ขึ้นมาทดแทนนักกีฬารุ่นพี่ที่ร่วงโรยลงไป

“ส่วนแผนการเตรียมทีมซีเกมส์ ครั้งที่ 31 หากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) อนุมัติให้สมาคมฯ ดำเนินการเก็บตัวฝึกซ้อมได้ เราก็จะเรียกนักกีฬามาเก็บตัวทันที โดยวางแผนว่าจะเก็บตัวที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งประเภทถนนและเสือภูเขา เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเหมาะสม เพราะมีทั้งภูเขาและเส้นทางการฝึกซ้อมที่ดี ส่วนช่วงใกล้จะแข่งขันอาจจะย้ายไปซ้อมที่เขาอีโต้ จังหวัดปราจีนบุรี อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ ได้มอบให้สตาฟฟ์โค้ชวางคอร์สฝึกซ้อมให้กับนักกีฬาแต่ละคนที่คาดว่าอยู่ในข่ายจะถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติชุดซีเกมส์ ได้ฝึกซ้อมที่บ้านไปพลาง ๆ ก่อน” พลเอกเดชา กล่าว

สำหรับผลการแข่งขันประเภทถนน อินไลน์เรซ รุ่นที่น่าสนใจ มีดังนี้ รุ่นทั่วไปหญิง ระยะทาง 56.4 กม. ผลปรากฏว่า 4 สาวจากทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม คว้าอันดับ 1-4 ไปครอง โดยแชมป์ตกเป็นของ “ไก่” ส.ท.หญิง ศุภักษร นันตะนะ เวลา 2.03.03 ชั่วโมง, ที่ 2 “แพร” ส.ต.หญิง เพชรดารินทร์ สมราช เวลา 2.03.39 ชั่วโมง, ที่ 3 พ.ต.หญิง จันทร์เพ็ง นนทะสิน เวลา 2.04.04 ชั่วโมง ส่วน “บีซ” ร.ท.หญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ ได้อันดัน 4 เวลา 2.04.21 ชั่วโมง

รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีหญิง ระยะทาง 56.4 กม. แข่งพร้อมกับรุ่นทั่วไปหญิง ที่ 1 น.ส.เยาวเรศ จิตมาตย์ จากทีมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ-GOGI เวลา 2.04.21 ชั่วโมง, ที่ 2 น.ส.กมลรดา ขาวปลอด จาก A-Bike เวลา 2.04.21 ชั่วโมง, ที่ 3 น.ส.อัสรีนา อุนทรีจันทร์ จาก TTCT Grant Thornton Bike Zone เวลา 2.07.14 ชั่วโมง

รุ่นเยาวชนชาย ระยะทาง 56.4 กม. ที่ 1 นายธนพนธ์ วงศ์หล้า จาก รร.กีฬาจังหวัดลำปาง-สนง.ตำรวจแห่งชาติ-GOGI เวลา 1.39.37 ชั่วโมง, ที่ 2 นายพงษ์สิน พลกล้า จากฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย เวลา 1.39.37 ชั่วโมง, ที่ 3 นายวันชนะ ธรรมปัญญา จาก รร.กีฬาจังหวัดลำปาง-ราชนาวี เวลา 1.39.43 ชั่วโมง

รุ่นเยาวชนหญิง ระยะทาง 37.6 กม. ที่ 1 “น้องน้ำ” น.ส.นัฐนันท์ นนทะแก้ว จากทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย จ.ลพบุรี เวลา 1.21.47 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการคว้า “ดับเบิ้ลแชมป์” หลังจากที่ได้แชมป์ไทม์ไทรอัล เมื่อวันก่อน ที่ 2 ด.ญ.ชิน รุ่งโชติวัฒนา จากทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย รร.โคกกระเทียมวิทยาลัย เวลา 1.21.47 ชั่วโมง, ที่ 3 ด.ญ.ปาริชาติ พลเยี่ยม จากทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย รร.โคกกระเทียมวิทยาลัย เวลา 1.21.57 ชั่วโมง

รุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไปชาย ระยะทาง 37.6 กม. “โค้ชตั้ม” พ.อ.อ.วิสุทธิ์ กสิยะพัท ผู้ฝึกสอนจักรยานทีมชาติไทย จากทีมเวลโลโดรม คว้าแชมป์ไปครองด้วยเวลา 1.10.49 ชั่วโมง และเป็น “ดับเบิ้ลแชมป์” เช่นเดียวกัน หลังได้แชมป์ไทม์ไทรอัล มาแล้วเมื่อวันแรก, ที่ 2 นายพงษ์ศักดิ์ เพชรส่ง จากชมรมกีฬาจักรยานจังหวัดสงขลา เวลา 1.10.49 ชั่วโมง, ที่ 3 นายฟรอนโด ยูฟราซิโอ จาก LCC Little Samutsongklam Cycling Team เวลา 1.12.42 ชั่วโมง

ด้านการแข่งขันประเภทเสือภูเขา อิลิมิเนเตอร์ ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กไลฟ์ และยูทูบ Thaicycling Association มีผลดังนี้ รุ่นทั่วไปหญิง “พลอย” น.ส.วรินทร เพ็ชรประพันธ์ จาก Amon Bike ชมรมจักรยานนครศรีธรรมราช คว้าแชมป์ไปครอง และเป็นการคว้า “ดับเบิ้ลแชมป์” หลังจากที่ได้แชมป์ครอสคันทรี่ มาแล้วเมื่อวันก่อน, อันดับที่ 2 น.ส.นาตาลี ปัญญาวัน จาก BG Cycling Team, อันดับที่ 3 จ.ท.หญิง วิภาวี ดีคาบาเลส จากสโมสรทหารอากาศ

รุ่นทั่วไปชาย สู้กันสุดมัน โดยในรอบชิงชนะเลิศ “กระโดด” ส.อ.กีรติ สุขประสาท นักป่านจอมเก๋าจาก Kaze Custom Factory Team พลาดท่าล้มตั้งแต่ช่วงต้นเกม ปล่อยให้ “โตมร” นายพูนศิริ ศิริมงคล แซงเข้าเส้นชัยคว้าแชมป์ไปครอง และเป็น “ทริปเปิ้ลแชมป์” ของพูนศิริ หลังจากที่วันแรกกวาดไป 2 แชมป์ในประเภทครอสคันทรี่ รุ่นทั่วไปชาย และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชายมาแล้ว, อันดับที่ 2 นายเมธาสิทธิ์ บุญเสน่ห์ จากทีม LOMOCYCLE ชลบุรี, อันดับที่ 3 นายสืบสกุล สุขจรรยา จากทีม Bike Zone Veetire Co สมาคมจักรยานจังหวัดนครราชสีมา

“โตมร” นายพูนศิริ กล่าวว่า รู้สึกพอใจมากที่ทำได้ถึง 3 แชมป์ ก่อนมาแข่งสนามนี้ไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้สูงมาก แต่ก็ฝึกซ้อมและเตรียมตัวให้พร้อม ผลการแข่งขันที่ออกมาขึ้นอยู่กับจังหวะมากกว่า อีกทั้งต้องใช้ทักษะเยอะ ในอนาคตหากมีโอกาสติดทีมชาติชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม ก็จะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย

สำหรับการแข่งขันรายการต่อไปที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ จะจัดขึ้น ได้แก่ การแข่งขันจักรยานประเภทลู่ ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “ควีนส์สิริกิติ์” ประจำปี 2564 สนามที่ 2 แบบชีวิตวิถีใหม่ New Normal ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม ที่สนามเวลโลโดรม หัวหมาก ส่วนการแข่งขันจักรยานประเภทถนน และเสือภูเขา ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ สนามที่ 2 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23-25 เมษายน ที่จังหวัดสงขลา นักกีฬาที่สนใจสมัครเข้าแข่งขัน สามารถสมัครได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมฯ www.thaicycling.or.th หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0-2719-3340-2 ในวันและเวลาราชการ

ร่วมแสดงความคิดเห็น