“วราวุธ” เผย ครม. เห็นชอบแนวทางบูรณาการ โครงการกัดเซาะชายฝั่ง ก่อนสำนักงบประมาณจัดสรรเงิน ย้ำแก้ไขปัญหากัดเซาะต้องทำอย่างยั่งยืน

กรณีปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ ที่ยังคงสร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้ในหลายพื้นที่ ระยะทางรวมทั้งประเทศกว่า 92 กิโลเมตร นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยผลการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ซึ่งได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ประกอบการจัดทำแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อให้ทุกหน่วยงานเสนอโครงการป้องกันแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พิจารณากลั่นกรองโดยผ่านอนุกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ก่อนเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณ ต่อไป ซึ่งเป็นการบูรณาการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน พร้อมย้ำ การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต้องยั่งยืน และไม่สร้างผลกระทบต่อเนื่อง

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนได้กล่าวไว้หลายครั้งเกี่ยวกับปัญหาและสถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย ซึ่งก็เป็นปัญหาเรื้อรังต่อเนื่องตามมาหลายปี ตนทราบดีว่าหลายหน่วยงานพยายามเร่งรัดช่วยเหลือ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีพื้นที่กัดเซาะชายฝั่งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอีกกว่า 92 กิโลเมตร จากความยาวชายฝั่งทะเลทั้งสิ้นกว่า 3,151 กิโลเมตร และส่วนใหญ่ก็เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงสร้างป้องกันชายฝั่งเดิม ที่ไม่ได้ศึกษาผลกระทบต่อพื้นที่ข้างเคียง ทั้งนี้ ตนได้หารือกับ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการกำหนดแนวทางการบริหารจัดการ โครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ภายใต้หลักการเดียวกัน โดยคำนึงถึงผลกระทบภายหลังการดำเนินการ ต่อพื้นที่ข้างเคียงและชุมชนโดยรอบด้วย

ซึ่งได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หาแนวทางการบูรณาการการแก้ไขปัญหา จนได้จัดทำหลักเกณฑ์ประกอบการจัดทำแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบและให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ต่อไป

ฃซึ่งในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตนได้ชี้แจงต่อคณะรัฐมนตรี ถึงความจำเป็นในการบูรณาการโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของทุกหน่วยงาน ก่อนที่สำนักงบประมาณจะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบและมอบให้สำนักงบประมาณใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณด้วย “กระทรวง ทส. เข้าใจในความตั้งใจและความหวังดีที่ทุกฝ่าย ทุกหน่วยงาน พยายามช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน แต่อยากฝากให้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น หลังจากดำเนินการด้วย หากช่วยเหลือพื้นที่หนึ่ง แต่ต้องตามแก้ไขให้อีกพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง ปัญหาก็จะไม่สิ้นสุด การแก้ไขปัญหาต้องแก้ไขอย่างเบ็ดเสร็จและยั่งยืน อย่าให้เป็นการแก้ไขอย่างไม่รู้จบ ซึ่งไม่คุ้มกับการสูญเสียทั้งทรัพยากรธรรมชาติและงบประมาณ” นายวราวุธ กล่าว

ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเสริมว่า สาเหตุปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งส่วนใหญ่ เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างอาคาร ท่าเรือ รวมถึง การก่อสร้างโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ที่ไม่ได้ศึกษาถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับพื้นที่ข้างเคียง ด้วยเหตุนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้เชิญนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างทางวิศวกรรม นักธรณีวิทยา เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ภายใต้แนวคิดการจัดการระบบกลุ่มหาด โดยแบ่งเป็น 8 กลุ่มหาดหลัก 44 ระบบกลุ่มหาด 318 หาด ซึ่งจะยึดตามลักษณะของหาดและธรณีสัณฐาน สำหรับหลักเกณฑ์ประกอบการจัดทำแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว ทาง ทช. จะได้แจ้งเวียนจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทราบและเสนอโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งมาให้ ทช. เพื่อเสนอคณะอนุกรรมการบูรณาการด้านการจัดการการกัดเซาะชายฝั่งทะเลพิจารณา ต่อไป สำหรับโครงการที่จะเสนอขอสนับสนุนงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2565 ที่เสนอเข้ารับการพิจารณา จำนวน 64 โครงการ และผ่านเกณฑ์การพิจารณา ทั้งสิ้น 17 โครงการ นายโสภณ ทองดี กล่าวในที่สุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น