กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า นำ MI 17เข้าดับไฟพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว ภายหลังเกิดจุดความร้อน 4 จุด บนภูเขาสูงชัน

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2564 พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะรองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เปิดเผยว่ากองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า(บก.คฟป.ทภ.3 สน.) สนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 17 หรือ MI 17 เข้าดับไฟ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ ภายหลังศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่ ตรวจพบจุดความร้อน 4 จุดในพิกัด N19 18’ 43”, E98 57’ 12” และ N19 18’ 48’’, E98 57’ 10” บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว

ทางด้าน นายรังสิต พูลศรี หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม .4 (เชียงดาว) กล่าวว่า ชุดปฏิบัติการหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชม .4 (เชียงดาว) ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟกรมป่าไม้ และผู้ใหญ่บ้าน ราษฎรเครือข่ายในการควบคุมไฟป่าบ้านแก่งปันเต๊า หมู่ที่ 10 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว เข้าตรวจสอบจุดไฟไหม้ บริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าเชียงดาว พิกัดที่ 47Q 494782 E 231834 N บริเวณบ้านแก่งปันเต๊า หมู่ที่ 10 ตำบลแม่นะ บางส่วนสามารถควบคุมได้แล้ว และบางส่วนเป็นภูเขาสูงชัน ทางชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟกรมป่าไม้ ได้ประสานอากาศยานเพื่อควบคุมไฟ โดยภารกิจครั้งนี้ mi 17 ทิ้งน้ำรวมทั้งหมด 7 เที่ยว ปริมาณ 17500 ลิตร

ทั้งนี้ เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป แบบ 17 หรือ MI 17 สามารถลำเลียงน้ำได้เที่ยวละ 3,000 ลิตร บินด้วยความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงในการบินหรือเพดานบินอยู่ที่ 6,000 เมตร สามารถบินได้นาน 3 ชั่วโมง 20 นาที โดยจะทำการทิ้งน้ำครั้งเดียวทั้ง 3,000 ลิตร ซึ่งจะเป็นการทิ้งน้ำเพื่อเป็นแนวกันไฟ จะไม่ทำการทิ้งน้ำลงบนเพลิงที่กำลังลุกไหม้ เนื่องจากจะทำให้สะเก็ดไฟเล็ก ๆ ลอยขึ้นสู่อากาศ ทำให้สามารถลุกลามเป็นวงกว้างได้ ซึ่งการปฏิบัติภารกิจของอากาศยานจะเป็นการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น