“สังคมดาว ข่าว 25 น.” วันที่ 6 พฤษภาคม 2564

ยังถกเถียงกันใน สังคมไทย เพราะต่างหวั่นวิตกกับ โรคโควิดระบาด วันก่อนต่างถามหา วัคซีนป้องกัน มาวันนี้ต่างหวาดระแวงกลัวกับ ภูมิแพ้วัคซีน ต่างความคิดเห็นกันไป ฉีดดีหรือไม่ ไปจนถึงข้อต่อรองว่าจะฉีด ยี่ห้ออะไรดี ทั้งๆ ที่หมอออกมายืนยันการฉีดวัคซีนนั้น อันตรายเสี่ยงน้อยกว่า……การเดินข้ามถนน…….

คนไทยต้องได้รับการฉีดวัคซีนถ้วนหน้า

ได้รับคำยืนยันกำหนดการมาแล้วจาก มูลนิธิพัฒนาการเด็กราชนครินทร์ ที่ท่านประธานมูลนิธิฯ ดร.วัชระ ตันตรานนท์ ที่ได้มอบหมายให้ฝ่ายประสานงาน สมศักดิ์ สุกูล จะได้นัดหมายกรรมการ-เจ้าหน้าที่ 12 ท่าน ไปทำการ ฉีดวัคซีน ในวันที่ 12 มิถุนายน ที่ รพ.นครพิงค์ และหนึ่งในคณะกรรมการมูลนิธิฯ “ทัดดาว”….. มีรายชื่อลำดับที่ 6 …..

ดร.วัชระ ตันตรานนท์ ประธานมูลนิธิฯ

ผ่านไปเมื่อวานนี้ ที่ครบรอบวันเกิด “พ่อเลี้ยงอิ๊ด” ดร.อุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ ที่ได้วายชนม์ไปแล้ว ศพยังตั้งบำเพ็ญกุศลที่ วัดเจ็ดยอด ญาติมิตรและครอบครัวได้ทำบุญขึ้น เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม และที่ขาดไม่ได้ลูกน้องคนก้นกุฎิ ป๋าภราดร มนตรีกุล ณอยุธยา ไปร่วมพิธีทำบุญและได้ รับปากพ่อเลี้ยง หากถึงวันพิธีจัดในวัน ฌาปนกิจศพ…..จะบวชทดแทนพระคุณ……

ป๋าภราดร มนตรีกุล ณ อยุธยา กราบพ่อเลี้ยงอิ๊ด และให้คำมั่นสัญญา

ได้ชื่อว่าเป็นมือบันเทิงของเมืองเหนือ ป๋าอ็อด เมืองใต้ สัญญาว่าจะปักหลักอยู่กับ เมืองเชียงใหม่-เมืองเชียงราย ภาระกิจบันเทิงที่ไปทำภาคใต้ที่ เกาะภูเก็ต คงจะวางมือไม่กลับไป บริหารต่อ เพราะที่ผ่านมาหมดไปเยอะกับ ค่าเดินทาง ค่าตั๋วบินหากเอามารวมกันแล้ว ซื้อเครื่องส่วนตัวได้เป็นลำ อีกทั้งช่วงนี้ โควิดระบาด กลับมาอยู่เมืองเหนือเรา สุขใจปลอดภัย….ได้ใกล้เพื่อนและครอบครัว……

ป๋าอ็อด เมืองใต้ ลุยบันเทิงเมืองเหนือต่อไป

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้หรือปล่าว นั่งรถสองคนจะต้องใส่แมส ทั้งๆ ที่คนนั่งก็นอน เตียงข้างกันทุกคืน คงเอาเหตุผลในข้อนี้ ธาตรี ขุนอินทร์ อดีตคนสื่อที่เป็นนายก สมาคมเพื่อนผู้พิการเชียงใหม่ เลยไปถอยเอา เก๋งป้ายแดง มามอบให้ภริยาไว้ใช้ส่วนตัว อีกหนึ่งคัน และคันเก่าอีกหนึ่งคันไว้ใช้เอง ไปไหนสบาย…….ไร้คนควบคุม……

ธาตรี ขุนอินทร์

นัดธุรกิจระดับอินเตอร์ที่หลงแผ่นดินล้านนา มร.หลุยส์ อีซายน์ ที่มาลงทุนเปิดรีสอร์ที่ ม่อนช้างงาม ร่มรื่นด้วยสุขสงบที่ แม่ออน ให้ท่านได้ไปพักผ่อนใน กลิ่นไอธรรมชาติ หรือจะแวะหลบมุมไปจิบ น้ำชากาแฟ….ใต้ร่มไม้ใหญ่……….

มร.หลุยส์ อีซายน์

ช่อง 3 ฉลองไตรมาสที่ 2 …..

ช่อง 3 ปิดดีล ฉลองไตรมาสที่ 2 สวนกระแสโควิด-19
จับละคร 3 เรื่องปัง! โกอินเตอร์ยกเซ็ต “สองเสน่หา-พราวมุก-มนต์รักหนองผักกะแยง”

​บมจ.บีอีซีเวิลด์ หรือช่อง 3 ได้ดำเนินตามนโยบายที่ตั้งเป้าขยายผลงานเปิดตลาดขายละครไทยออกสู่ตลาดโลกมาอย่างต่อเนื่อง และได้นำละครส่งขายลิขสิทธิ์เผยแพร่ออกอากาศไปในหลายประเทศทั่วโลก จนเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับถึงผลงานคุณภาพและความโดดเด่นของดารานักแสดงชาวไทยในปัจจุบัน ทำให้เกิดฐานแฟนคลับที่คอยให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง และในไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ได้นำละครไฮไลท์ใหม่ล่าสุด ที่มีกระแสความนิยมสูงในประเทศไทยตั้งแต่ยังไม่เริ่มออกอากาศ 3 เรื่อง “สองเสน่หา, พราวมุก และ มนต์รักหนองผักกะแยง” ไปปิดการขายกับตลาดต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อย เรียกว่าได้รับความสำเร็จแบบสวนกระแสเศรษฐกิจท่ามกลางยุคโควิด-19

โดยเริ่มจากละครเรื่อง “สองเสน่หา” ที่ได้นางเอกแถวหน้าของเมืองไทย คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส นำแสดง ไปออกอากาศบนช่องทาง OTT ในต่างประเทศทั้งหมดถึง 9 ประเทศ ซึ่งจะออกอากาศแบบคู่ขนาน (Simulcast) ไปยัง 3 ประเทศดังนี้ ประเทศจีน ทางแพลตฟอร์ม Tencent Video พากย์และบรรยายเป็นภาษาจีน, ประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ทางแพลตฟอร์ม VIU (วันเดียวกันหลังไทยจบ 2 ชั่วโมง)

ออกอากาศในรูปแบบย้อนหลังหรือ (Rerun Program) ไปยัง 6 ประเทศดังนี้ ประเทศเวียดนาม, อินโดนีเซีย, เม็กซิโก, บราซิล และ จีน-ไต้หวัน ทางแพลตฟอร์ม WeTV ประเทศเวียดนาม และพม่า ผ่านทาง แพลตฟอร์ม Viettel และออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ PNN ประเทศกัมพูชา

ละครเรื่อง “สองเสน่หา” ถือเป็นละครเรื่องแรกที่ คิมเบอร์ลี่ พลิกบทบาทครั้งสำคัญและท้าทายความสามารถ โดยแสดงเป็นฝาแฝดที่มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และยังเป็นละครแนวโมเดิร์น-ดราม่า ที่มีเนื้อหาเข้มข้นน่าติดตาม จึงเป็นที่ถูกใจของผู้ชมชาวจีนและผู้ชมประเทศเวียดนาม ซึ่ง คิมเบอร์ลี่ เอง ก็มีแฟนละครในประเทศจีน, เวียดนาม และกัมพูชา เป็นฐานอยู่แล้วมากมาย และทุกคนต้องการดูบทบาทใหม่ในครั้งนี้ โดยเฉพาะแฟนละครจากประเทศจีนและเวียดนาม ที่เคยชื่นชอบผลงานของ คิมเบอร์ลี่ มาแล้วจากละครเรื่อง “เพียงชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ” ส่วนแฟนละครจากประเทศกัมพูชา ก็ชื่นชอบผลงานจากละครเรื่อง “ทองเอกหมอยาท่าโฉลง” ละครไฮไลท์ของปี 2562 ที่แสดงคู่กับ มาริโอ้ เมาเร่อ นักแสดงชื่อดังที่ได้รับความนิยมสูงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

ต่อมากับละครเรื่องที่ 2 “พราวมุก” ได้นำไปออกอากาศในต่างประเทศทั้งหมดถึง 5 ประเทศ บนช่องทาง OTT ซึ่งจะออกอากาศในรูปแบบคู่ขนาน (Simulcast) (วันเดียวกันหลังไทยจบ 2 ชั่วโมง) ไปยัง 2 ประเทศดังนี้ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ทางแพลตฟอร์ม VIU, นำไปออกอากาศในรูปแบบย้อนหลังหรือ (Rerun Program) 3 ประเทศ เวียดนาม และพม่า ทางแพลตฟอร์ม Viettel และออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ PNN ประเทศกัมพูชา

สำหรับละครเรื่อง “พราวมุก” ถือว่ามีกลุ่มแฟนคลับอยู่หลายประเทศ ซึ่งต่างก็รอคอยการกลับมาร่วมงานกันของคู่จิ้น ‘ภณ-บัว’ “ภณ ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์” และ “บัว นลินทิพย์ สกุลอ่องอำไพ” ที่โด่งดังจากละครกระแสแรงเรื่อง “ตราบาปสีชมพู” และเป็นเรื่องแจ้งเกิดของทั้งสองคน จนเป็นที่รู้จักของฐานแฟนละครโดยเฉพาะแฟนๆ ชาวจีน, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งจะชื่นชอบละครแนวโรแมนติกดราม่า มีเรื่องราวทันสมัยครบรสชาติในทุกฉากทุกตอน ตีแผ่มุมมองความรักความสัมพันธ์ที่หลากหลาย ทั้งของครอบครัว เพื่อน และความรักแบบพรหมลิขิต จึงทำให้เกิดความน่าสนใจตรงกับความต้องการของตลาด OTT ในประเทศจีนและอีกหลายประเทศ

มาถึงละครเรื่องที่ 3 กับ “มนต์รักหนองผักกะแยง” อีกหนึ่งละครไฮไลท์ของปี 2564 ไตรมาสที่ 2 ที่น่าจับตามองเนื่องจากเป็นการเจอกันครั้งแรกของ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” นักแสดงแถวหน้าของช่อง 3 ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหลายปะเทศ ประกบคู่กับ “โบว์ เมลดา สุศรี” ที่เข้ามาเล่นละครกับช่อง 3 เป็นเรื่องแรก และเป็นละครแนวอารมณ์ดี ที่สอดแทรกให้ได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตชาวบ้านชนบท การทำเกษตรกรรม และการใช้ชีวิตที่ตั้งอยู่บนความพอเพียงไม่ประมาท ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ที่คนทั่วโลกกำลังอยู่ท่ามกลางสภาวะที่ต้องการกำลังใจ และเสียงหัวเราะ การประกบคู่กันของทั้งคู่จึงเป็นความแปลกใหม่ และเกิดการรอลุ้นในด้านของเคมีว่าจะเป็นอย่างไร

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดดึงดูดสำคัญหลักๆที่ทำให้ “มนต์รักหนองผักกะแยง” ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ก็มาจากกลุ่มฐานแฟนคลับของ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ในแถบอาเซียน ซึ่งมีประเทศ ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์ และเวียดนาม ที่มีอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งในเวลานี้ได้มีการตกลงซื้อขายละครไปยังสถานีโทรทัศน์ PNN ประเทศกัมพูชา และได้นำไปออกอากาศในรูปแบบย้อนหลังหรือ (Rerun Program) ในอีก 4 ประเทศดังนี้ เวียดนาม, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ บนช่องทาง WeTV

สำหรับการปิดดีลฉลองไตรมาสที่ 2 แบบสวนกระแสโควิด-19 ของละครใหม่ล่าสุดช่อง 3 ถึง 3 เรื่อง ในครั้งนี้ นายณัฐพร รุ่งขจรกลิ่น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สำนักธุรกิจระหว่างประเทศ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ผมเชื่อว่าแฟนละครที่ต่างประเทศตั้งตารอคอยรับชมละครดีมีคุณภาพของช่อง 3 ที่จะได้ออกอากาศให้ได้ชมพร้อมกันทั้งในประเทศไทย ประเทศจีน และอีกหลายประเทศในอาเซียน ผ่านทางช่องทางพันธมิตรหลักของเรา ซึ่งละครในไตรมาสที่ 2 นี้ถือว่ารวมความเป็นที่สุดของที่สุด ซึ่งมาแบบครบรส เข้มข้น สนุก ในเรื่องราวที่แปลกใหม่ทันสมัย และมีนักแสดงที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ มาประชันบทให้ดูกันให้หายคิดถึง ผมหวังว่าละครของช่อง 3 จะได้การต้อนรับจากผู้ชมเป็นอย่างดี และจะสร้างกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่องไปยังประเทศอื่นๆ อีกด้วยครับ”

​ปัจจุบันนับว่าช่อง 3 ได้เดินมาถูกทางและสามารถจับจุดของความสนใจคอนเทนต์ละครไทยจากแฟนละครในต่างประเทศได้มากขึ้น และด้วยความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนแนวทางการผลิตละครให้เหมาะสม ทันสมัย มีมิติ บนความหลากหลายอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากพันธมิตรจากหลายๆประเทศ ทำให้เกิดความสำเร็จในการขยายตลาดละครไทยสู่ตลาดโลกในปัจจุบัน และจะขยายต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคต

ทัดดาว

ร่วมแสดงความคิดเห็น