นักชกฮีโร่โอลิมปิก ร่วมวิ่งธงชาติทะลุ 3,000 กม. จากแพร่ มุ่งสู่ อุตรดิตถ์

การกิจกรรมประวัติศาสตร์ “FLAG OF NATION วิ่งส่งธงชาติไทย ไปโตเกียวโอลิมปิก” ซึ่งจัดต่อเนื่อง 61 วัน 35 จังหวัด ระยะทาง 4,606 กม. เทียบเท่าระยะทางกรุงเทพฯ ไปยังกรุงโตเกียว จัดขึ้นเพื่อส่งกำลังใจจากพี่น้องคนไทยสู่นักกีฬาทีมชาติไทย ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 พ.ค. เป็นการวิ่งธงชาติไทยเป็นวันที่ 40 ของกิจกรรม ในพื้นที่ จ.แพร่ ระยะทาง 60.2 กม. เริ่มต้นจากหน่วยบริการประชาชนบ่อเหล็กสอง สี่แยกแม่แขม จ.แพร่ มายังสนามกีฬา อบจ.แพร่ โดยฝ่ายจัดกิจกรรมได้ปรับรูปแบบมาใช้ขบวนรถแห่ แทนการให้นักวิ่งที่สมัครร่วมกิจกรรม เพื่อปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ใน จ.แพร่

โดยได้รับเกียรติจาก นักกีฬาทีมชาติไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ประกอบด้วย พ.ต.ท.วิจารณ์ พลฤทธิ์ นักชกเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ปี 2000 รวมถึง 2 นักกีฬาชุด “โตเกียวเกมส์” อารีย์ณัฏฐา ชวตานนท์ นักกีฬาขี่ม้า และ ศิริพร แก้วดวงงาม นักกีฬาวินด์เซิร์ฟสาว ร่วมโฟนอินเข้ามาเล่าประสบการณ์และอัพเดทความพร้อมให้แฟนๆ กีฬาได้รับฟังกันสดๆ ด้วย โดยหลังจบภารกิจของวันที่ 40 ทำให้ยอดรวมสะสมระยะทางวิ่งทั้งหมดไปแล้ว 3,026 กม.

“เจ้าศรี” พ.ต.ท.วิจารณ์ พลฤทธิ์ เผยว่า สำหรับตนการได้เข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์และคว้าเหรียญทองกลับมาได้ ถือเป็นเกียรติยศและความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตแล้ว ยิ่งการได้เห็นธงชาติไทยและได้ร้องเพลงชาติไทย ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจจนถึงวันนี้ จากวันนั้นผ่านมาถึงวันนี้เกือบ 21 ปี แต่ตนก็ยังจำทุกความรู้สึกในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี

“ตอนนี้ผมรับราชการตำรวจ และรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยโค้ชทีมมวยสากลสมัครเล่นหญิงทีมชาติไทย สำหรับตัวผมเอง ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ที่เป็นตัวแทนทีมชาติไทยทุกคน ขอให้ทำให้เต็มที่ เชื่อว่าความพยายามออยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ส่วนทีมกำปั้นหญิงของเราถึงเวลานี้ถือว่าฟิตมากๆ เพราะเตรียมทีมมาแบบไม่ได้หยุดพักเลย ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ก็ยังคิดว่าน้องๆ ทีมมวยหญิงของเรามีโอกาสได้เหรียญรางวัลกลับมา”

ส่วน “มิ้น” อารีย์ณัฏฐา ชวตานนท์ เผยว่า ส่วนตัวอยากขอบคุณทุกแรงเชียร์และกำลังใจจากแฟนๆ กีฬาชาวไทย ที่ออกมาร่วมส่งพลังใจนี้ผ่านกิจกรรมวิ่งธงชาติไทย สำหรับตนและเพื่อนๆ ในทีมอีเวนต์ติ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ผ่านเข้ามาแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ดังนั้นเป้าหมายก็คือทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และก็หวังว่าอย่างน้อยจะทำผลงานให้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับชาติในทวีปเอเชียด้วยกัน

ทางด้าน “ดาว” ศิริพร แก้วดวงงาม เผยว่า ตนยังคงฟิตซ้อมปกติวันจันทร์ถึงวันเสาร์ โปรแกรมช่วงเช้าเข้าเวท ส่วนบ่ายลงทะเล วันละ 2-3 ชม. ซ้อมอยู่ที่หาดจอมเทียน พัทยา ก็หวังว่าเมื่อถึงวันแข่งจะพร้อมที่สุด ทั้งร่างกายและจิตใจ สำหรับกิจกรรมวิ่งธงชาติไทยที่เกิดขึ้น ตนติดตามมาตั้งแต่เริ่ม รู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้เห็นประชาชนชาวไทยออกมาร่วมเชียร์ และให้กำลังใจ ซึ่งในการแข่งรอบสุดท้าย ตนสัญญาว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

ขณะที่ “หน้าต่าง” ธีรดา เอี่ยมประเสริฐ พิธีกรและผู้บรรยายการไล์ฟสดตลอดเส้นทาง เปิดใจว่า ตลอด 40 วัน 3,000 กม. ธงชาติถูกวิ่งผ่านเส้นทางต่างๆ และสะสมกำลังใจของพี่น้องชาวไทยในแต่ละพื้นที่ ต้องบอกว่ามีเรื่องราวและภาพประทับใจเกิดขึ้นมากมาย แม้จะมีในบางช่วงบางจังหวัด ที่ไม่สามารถจัดกิจกรรมขึ้นได้ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งตนก็เชื่อว่ากิจกรรมครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งแรงกำลังใจที่ช่วยผลักดันนักกีฬาไทย ให้ไปคว้าชัยในโอลิมปิกเกมส์และพาราลิมปิกเกมส์

สำหรับกิจกรรมวิ่งธงชาติไทย ในวันที่ 41 วันที่ 7 พ.ค. จะออกสตาร์ทจากสนามกีฬา อบจ.แพร่ ไปยังสนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก จ.อุตรดิตถ์ ระยะทางรวม 78.4 กม. ผู้ที่สนใจสามารถรับชม พร้อมทั้งร่วมส่งกำลังใจให้กับทีมนักวิ่งและนักกีฬาไทย ได้ที่เฟซบุ๊ค Road to Tokyo 2020

ผู้ที่พลาดกิจกรรมวิ่งผลัดธงชาติไทย ยังสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ผ่านการวิ่ง “FLAG of Nation Virtual Run” วิ่งเสมือนจริง จากสถานที่ไหน เวลาใดก็ได้ อีกหนึ่งกิจกรรมการส่งต่อกำลังใจให้กับนักกีฬาไทยในโอลิมปิก ซึ่งจัดคู่ขนานกับการวิ่งผลัดธงชาติไทย โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมส่งกำลังใจครั้งประวัติศาสตร์ ได้ตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 8 ส.ค.64 ที่ https://bit.ly/webcheckraceOlympic 2020 โดยผู้ที่เข้าร่วมจะได้รับเสื้อพร้อมเหรียญที่ระลึกเป็นของรางวัล ขณะเดียวกันในทุกๆการวิ่ง 1 กม.จะสมทบทุน 1 บาท สนับสนุนนักกีฬาทีมชาติไทย ในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ และจะวิ่งไปกว่าจะสะสมระยะทางครบ 1 ล้าน กม.

ร่วมแสดงความคิดเห็น