สธ.อนุโลม ไม่สวมหน้ากากอนามัย ปรับตามเหมาะสม ลดค่าใช้จ่าย ปชช. ผิดครั้งแรกปรับไม่เกิน 1,000 บาท

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2564 ว่า ขณะนี้ไทยฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วมากกว่า 1.6 ล้านโดส ภายในเดือนพฤษภาคม จะมีวัคซีนเข้ามาจำนวนมาก 2.5 ล้านโดส ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงมีมติ 3 เรื่อง คือ
1. สธ.ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และภาคเอกชน จะมาร่วมฉีดวัคซีนวัยแรงงานในระบบประกันสังคมรวมกว่า 16 ล้านคน ซึ่งเป็นการเพิ่มจากระบบบริการที่เตรียมไว้ โดยมีการเพิ่มจุดฉีดวัคซีน 382 แห่ง คือ กทม. 82 แห่ง และต่างจังหวัด 300 แห่ง

โดยสถานที่ฉีดต้องได้มาตรฐานตามที่กำหนด มีระบบสุขาภิบาล การระบายอากาศ มีการเฝ้าระวังอาการหลังฉีด 30 นาที และการช่วยเหลือหากมีอาการข้างเคียง อาทิ ตั้งในโรงงาน ศูนย์การประชุม ลักษณะคล้ายกับรพ.สนาม อนาคตอาจจะมีการดำเนินการฉีดผ่านรถโมบาย

2. เห็นชอบแนวทางในการให้วัคซีนซิโนแวคผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางการแพทย์ เนื่องจากผลการศึกษาของประเทศจีนที่ทำในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีสุขภาพดี พบว่ามีความปลอดภัยและกระตุ้นภุมิคุ้มกันได้ดี จากนี้จะส่งเรื่องให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป จึงดำเนินการฉีดในกลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปได้

3. เห็นชอบออกอนุบัญญัติตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 คือ ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบปรับกรณีไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเวลาออกนอกเคหสถาน โดยจะมีการอนุโลม ยกเว้น หรือการลดค่าปรับตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน
แบ่งเป็นการกระทำผิดครั้งแรกปรับไม่เกิน 1,000 บาท หากมีการกระทำผิดซ้ำจะปรับตั้งแต่ 1,000 บาทแต่ไม่เกิน 10,000 บาท และถ้ายังมีการกระทำผิดอีกก็จะปรับในหลักหมื่นแต่ไม่เกิน 20,000 บาท

ทั้งนี้ เราไม่ได้เน้นเรื่องของการปรับ แต่ขอความร่วมมือเฝ้าระวังตนเอง สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเวลาต้องออกนอกบ้านหรือไปในที่ที่มีคนจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังแต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคตามกฎหมายเพิ่มเติม คือ ข้าราชการสังกัดกรมราชทัณฑ์และข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ร่วมแสดงความคิดเห็น