(มีคลิป) สอบเครียด! ฝรั่งสังหารโหดน้องโอท้อง 2 เดือนฆ่ายัดถังขยะ ก่อนทำแผนรับสารภาพ

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 เวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ภายใต้อำนวยการ พล.ต.ต. มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.น่าน , พ.ต.อ.ชาตรี หทยะวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองน่าน ,พ.ต.ท.จักรพงษ์ วงศ์ไชย  รอง ผกก.สส.สภ.เมืองน่าน , พตท.ทนงศักดิ์ พิชญ์วิชชาธรรม รอง.สส. ,พ.ต.ต.สมเกียรต์ รวมเงิน พงส.สภ.เมืองน่าน พร้อมด้วย พ.ต.ต.ณัฐนนท์ เปียแก้ว

สว.กก.สส.บก.ตม.5 , ว่าที่ พ.ต.ท.สมชาย วิรมย์รัตน์ สวย.ตม.จ.น่าน,ว่าที่ พ.ต.ต.กฤตภาส เปาธ์วัลย์ สว.ส.ทท.3 กก.2 บก.พท.2 (สถานี น่าน),พ.ต.ม.พรเทะ ป่าหวาย สว.นปพ.จ.น่าน ,น.ส.มาริษา เพชรสุทธิ์ล่ามแปลภาษา ได้นำตัวนายเจสัน แมทธิว บัลเซอร์ ผู้ก่อเหตุ ฆ่านางสาวส้มโอ ภรรยาชาวไทย เสียชีวิต ก่อนจะนำศพยัดถังขยะเอาไปทิ้งเพื่ออำพรางคดี มาถึงที่ สภ.เมืองน่านแล้วตั้งแต่ ช่วงตี 4 คืนที่ผ่านมา หลังจากที่เมื่อวานนี้ ตำรวจชุดสืบสวน จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดน่าน ได้ร่วมติดตามจับกุมตัวได้ที่อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่

โดยตลอดการควบคุมตัวนายเจสัน มาที่ห้องขัง ทันทีที่ลงจากรถตู้ นายเจสัน มีสีหน้าที่เคร่งเครียด สวมใส่ทั้งหน้ากากอนามัย และเฟรชชิล เพื่อป้องการติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังระบาดในประเทศไทย
เมื่อมาถึงห้องควบคุมขัง นายเจสัน เข้าห้องขังไปอย่างไม่ได้รีบร้อนอะไร ทำตัวสบายๆ เมื่อคืนนี้นายเจสัน นอนหลับสนิท ตามปกติ ซึ่งภายในห้องขังแสงไฟส่องหน้า เจสันจึงถอดแมสและเอามาปิดตาแทน โดยช่วงเช้าเมื่อเจสันตื่นขึ้นมา ได้ร้องขอยาแก้เครียด จำนวน 3 เม็ด ซึ่งเจ้าหน้าที่ ได้นำข้าวกล้องเมนู กระเพราะหมู มาให้

พลตำรวจตรีมงคล สัมภวะผล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ได้เดินทางมาสอบปากคำนายเจสัน พร้อมกับล่ามภาษา เพื่อให้การสอบปากคำ เป็นไปอย่างละเอียดที่สุด โดยผู้บังคับการบอกว่า คดีนี้ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญ ที่เกิดขึ้นกับชาวไทย ซึ่งเกิดจากฝีมือของชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมมาก ตั้งแต่ การลงมือฆ่าภรรยาและลูกในท้องของตัวเอง ซึ่งจากการสอบสวน ทราบว่า นายเจสัน ลงมือฆ่านางสาวโอ ภรรยาพร้อมลูกในท้อง โดยการใช้มีดแทงที่อกซ้าย จนเสียชีวิต ตั้งแต่ ช่วงเที่ยงวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้นช่วงบ่าย ได้ขับรถกระบะออกไปซื้อถังขยะสีเขียว เพื่อใส่ศพ ที่ห้างขายวัสดุก่อสร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน
จากนั้นเมื่อตกดึก นายเจสันได้อยู่กับศพภรรยาที่บ้าน เพื่อหาทางออก จนเวลาประมาณ ตี 1 คืนวันที่ 3 พฤษภาคม ได้ขับรถออกไปดูที่อำพรางศพ ขนศพของภรรยา และฟูกที่นอน เครื่องฟอกอากาศ เอาไปทิ้งจุดที่ทิ้งขยะ ที่ตำบลไชยสถาน ก่อนขนศพไปทิ้งที่ป่าละเมาะข้างทาง ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 6 กิโลเมตร ก่อนจะกลับมาที่บ้านในเวลาประมาณ 6 โมงเช้าและทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้บังคับการ ต้องการฟังจากผู้ต้องหาที่สุดคือ มูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุฆ่าภรรยา และพฤติการณ์ที่แน่ชัด ว่า ลงมืออย่างไร ซึ่งจะขอเวลาสอบปากคำอย่างละเอียดก่อน ส่วนจะมีการนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับสิทธิของผู้ต้องหา และกงศุลและสถานฑูตของสหรัฐอเมริกา ว่าจะดำเนินการอย่างไร ในการรับโทษแต่ที่แน่ๆ การก่อเหตุของนายเจสัน จะต้องขึ้นศาลไทยเพื่อดำเนินคดีในไทย ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีต่อต่างประเทศอย่างแน่นอนส่วนจะมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพแต่เบื้องต้น ได้แจ้งข้อหา กับนายเจสันไว้ 2 ข้อหา คือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ 2.ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ

ต่อมาในเมื่อเวลา 10.30 น. คุณหมอจากโรงพยาบาลจังหวัดน่าน ได้เดินทางมาตรวจร่างกายนายเจสัน เพิ่มอีกด้วย พร้อมทั้ง ดูว่า มีอาการ หรือ เป็นกลุ่มเสี่ยงโควิด19 หรือไม่
ยังได้พูดคุยกับเพื่อนสนิทของผู้ตาย คนหนึ่ง ซึ่งเธอคนนี้ เป็นเพื่อนที่ผู้ตายมักจะโทรศัพท์มาเล่าสารทุกข์สุขดิบกันตลอด เธอคนนี้ขอใช้นามสมมติว่า คุณฝน ซึ่งได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวน่าสนใจ บอกว่า เธอนั้นพอทราบข่าวว่าถูกนายเจสันลงมือฆ่าเพื่อนของเธออย่างโหดเหี้ย เธอตกใจมาก แทบไม่อยากเชื่อตามข่าว
ตลอดระยะเวลาที่คบกันระหว่างนางสาวส้มโอและนายเจสัน ที่ผ่านมาทั้งคู่รักกันดีมาก นายเจสัน อยู่ประเทศสหรัฐฯ มีหน้าที่การงานที่ดี มีเงินทองมากมาย ซึ่งนายเจสัน ได้รู้จักกับเพื่อนของเธอตอนมาที่ไทย หลังจากนั้น ก็ได้คบหาดูใจกันและตกลงกันเป็นแฟน และได้จดทะเบียนสมรสกัน ซึ่งนายเจสัน ก็ได้พาเพื่อนของเธอ ไปเที่ยวอเมริกา ไปอยู่บ้านพักในรัฐเคลิฟอเนีย

โดนก่อนหน้านี้เจสัน มีภรรยาคนหนึ่ง มีลูกสาว ซึ่งได้เลิกลากับเยกทางกันไปแล้ว เคยก่อคดีทำร้ายร่างกายอดีตภรรยา ซึ่งตัวเพื่อนของเธอก็รู้ดี แต่ก็ยอมรับผู้ชายคนนี้ เนื่องจาก เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม และได้ไปอยู่กับนายเจสัน ที่สหรัฐอเมริกาอยู่หนึ่ง ได้วีซ่าจากการจดทะเบียนสมรสกัน แต่ถึงแม้ว่า ภรรยาของนายเจสันจะเปลี่ยนเป็นนางสาวส้มโอ แต่นิสัยเดิม คือ อารมณ์รุนแรง และชอบทำร้ายผู้หญิงก็ยังไม่เปลี่ยน คดีที่สหรัฐที่เกิดขึ้นคดีหนึ่ง ก็คือ คดีที่นายเจสันทำร้ายร่างกายเพื่อนของเธอ โดยมีการบีบคอและเอาปืนจ่อหัว ซึ่งเรื่องได้ขึ้นถึงศาลที่สหรัฐ เพราะเพื่อนๆส้มโอ ไม่ยอม ได้แจ้งความ ทำให้นายเจสัน ถูกแบล็กลิส ไม่สามารถเดินทางมาไทยได้ 1 ปี และถูกไล่ออกจากงาน
ซึ่งตอนนั้นนายก็คงจะโกรธแค้น แต่ด้วยความรักนางสาวส้มโอ หน้าที่การงานพังหมด จึงขายบ้านที่แคริฟอเนีย ได้เงินมา 3 ล้านบาท และตัดสินใจย้ายมาอยู่กับนางสาวส้มโอที่ไทย


แต่เมื่อมาไทย นายเจสัน และเพื่อนของเธอมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง เนื่องจาก เพื่อนอาจจะถูกทางครอบครัวกดดัน เรื่องเงิน ซึ่งนายเจสัน เคยบอกเพื่อนว่า “ตัวเองเลี้ยงส้มโอได้ แต่เลี้ยงครอบครัวไม่ได้หมด” และคาดว่า ทั้งคู่คงกดดันและทะเลาะจนเกิดเหตุสลดขึ้น เช่นเดียวกับ เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ที่บอกว่า ผู้ตายนั้น รักและภูมิใจในตัวเจสันมาก อยากได้อะไรเจสันก็จะซื้อให้เกือบทุกอย่าง ทั้งที่ดิน และรถ  //  เมื่อ 2 วันก่อนเกิดเหตุ ส้มโอยังโทรศัพท์และส่งข้อความมาบอกปรึกษาเรื่องลูกในท้องของเธออยู่เลย ว่า ผ่าหรือจะคลอดธรรมชาติดี  ซึ่งเธอไม่คิดเลยว่าจะมาเกิดเหตุสลดนี้ขึ้น

ส่วนตัวละครที่ชื่อ จิมมี่ในจดหมายที่ระบุ ตัวเองไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ ว่าเพื่อน ไปมีผู้ชายคนอื่นเลย มีอะไรเล่าก็จะเล่าแต่เจสัน เพราะเธอรักเสจันมาก จิมมี่น่าจะเป็นตัวละครที่เจสันสร้างมาเพื่อปกปิดความผิดเท่านั้น
และได้จดหมาย 1 ฉบับ ซึ่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษ โดยนายเจสัน เขียนถึงภรรยา ซึ่งจดหมายฉบับนี้ นายเจสัน ได้มอบจดหมาย ให้กับแม่ของผู้ตาย ก่อนจะขี่รถออกจากบ้านไป ซึ่งในข้อมูลในจดหมาย เขียนระบุว่า “ที่รัก พี่ไม่มีอะไรจะพูดมากนะ นอกจากหวังว่า จิมมี่จะทำให้น้องมีความสุข ไม่ต้องกังวลนะ พี่ทิ้งอาหารกับน้ำไว้ให้หมาและน้องแมวแล้ว จากอดีตสามี” ซึ่งนายเจสัน ตั้งใจจะเบี่ยงเบนว่า จะหนีออกจากชีวิตของนางสาวส้มโอไป โดยสร้างตัวละคร ที่ ชื่อ “จิมมี่” ทิ้งไว้ เพื่อหลอกว่า ภรรยาของตัวเองมีผู้ชายคนใหม่ ซึ่งจดหมายฉบับนี้ แม่ได้มอบให้ตำรวจไว้เป็นหลักฐานแล้ว ซึ่งจากการสอบปากคำอย่างละเอียด นายเจสัน รับว่า เป็นการเขียนเพื่อสร้างเรื่อง เพื่อหลอกตำรวจให้หลงประเด็นเท่านั้น


นอกจากนี้นายเจสันนั้น ส่วนหนึ่งที่ลงมือก่อเหตุอาจจะเกิดความกดดันและความเครียดที่อาจจะหมดตัวแล้ว จากการซื้อที่ดินให้กับนางสาวโอจำนวน 2 ไร่ ที่ตำบลท่าน้าว อำเภอภูเพียง จังหวัดน่านเป็นเงิน 7 แสนบาท และ รถยนต์ฟอร์ด เป็นเงินเกือบ 1 ล้านบาท ให้เป็นชื่อของนางสาวโอ รวมถึง ค่าใช้จ่ายทุกอย่างนายเจสัน เป็นคนออกให้ทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมา ก็เคยให้เงินกับแม่ของนางสาวโอน หลายบาทจำนวนหลายครั้ง เหลือเงินในบัญชีเพียงหลักหมื่นเท่านั้น และวันสุดท้ายที่นายเจสัน มอบจดหมายให้กับแม่ผู้ตาย ก็ยังได้ให้เงินสดอีก 5 พันบาท กับแม่ผู้ตายไว้อีก ซึ่งหลังก่อเหตุ ชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว จึงหนีไปที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งอยู่กันจำนวน ซึ่งเตรียมวางแผนหนีออกประเทศตามช่องทางธรรมชาติต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น