(มีคลิป) เสียงสะท้อนจากกลุ่มโชว์เฟอร์รถสาธารณะเชียงใหม่ ระทมพิษโควิดระลอกนี้กระทบหนัก ไร้การเยียวยา กัดฟันสู้หาเช้ากินค่ำ รายได้หด ขอให้เชียงใหม่กลับสู่ภาวะปกติ หลังบรรยากาศเงียบเหงาไม่มีคนใช้บริการ

วันที่ 13 พ.ค.64 รายงานข่าวแจ้งว่า จากภาวะสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งจากแต่เดิมในช่วงระยะดังกล่าวจะมีประชาชน และนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่ แต่หลังการเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่มีความรุนแรง และแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้จังหวัดเชียงใหม่ ต้องออกมาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และการป้องกันการแพร่ระบาดด้วยการควบคุมการเดินทาง เข้า-ออก ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่โดยไม่จำเป็น จึงทำให้การเดินทางของประชาชนและนักท่องเที่ยวหยุดชะงัก อีกทั้งกลายเป็นผลกระทบต่อเนื่องกับหลายอาชีพในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่

 

เช่นเดียวกับอาชีพโชเฟอร์ขับรถรับจ้างสาธารณะ ที่ในขณะนี้จากการลงพื้นที่สำรวจของผู้สื่อข่าว ที่บริเวณสถานีขนส่งอาเขตเชียงใหม่ พบว่าบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ผู้โดยสารที่เดินทาง เข้า-ออก ยังบริเวณสถานที่ดังกล่าวแทบไม่มี ขณะที่ทางกลุ่มโชว์เฟอร์และพนักงานขับรถรับจ้างสาธารณะที่มารอรับผู้โดยสารต่างนั่งรอความหวัง เพื่อที่จะได้บริการลูกค้าตั้งแต่เช้ามืด ยังคงนั่งเฝ้ารถ และต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแทบไม่มีลูกค้าหรือผู้โดยสารมาใช้บริการแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบว่าผู้โดยสารที่เดินทางมากับรถบัสสายต่างๆ ทั้งที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียงก็แทบจะไม่มี จนบางวันแทบไม่มีรายได้แต่ยังคงต้องมาปฏิบัติหน้าที่และยังคงต้องกัดฟันสู้จนกว่าจะผ่านพ้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไปให้ได้

จากการสอบถามทางด้าน นายสนธิชัย เขื่อนพิพัฒน์พงศ์ อายุ 68 ปี โชว์เฟอร์ขับรถสี่ล้อแดงที่จอดรถรอคิวบริเวณสถานีขนส่งอาเขต บอกว่า ตนทำอาชีพขับรถสี่ล้อแดงมาตั้งแต่สถานีขนส่งอาเขตเปิดใหม่ ประมาณเกือบ 20 ปี จนกระทั่งถึงขณะนี้ที่เกิดสภาวะวิกฤติโควิดระลอกนี้ก็ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีคนเดินทาง โดยทุกวันนี้ตนต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดประมาณตี 3 ครึ่ง เพราะคิวรถที่มารอจะเปิดตอนตี 4 ซึ่งในวันนี้ตนก็ยังไม่ได้ลูกค้าเลยแม้แต่รายเดียว และเมื่อวานก็ได้เพียง 2 เที่ยว และในแต่ละวันก็มีรายได้เพียงไม่เกิน 300 บาท เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนตั้งแต่ตี 4 มาจนถึงบ่ายก็จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 700-800 บาท แต่ตอนนี้ก็ไม่ถึงแล้ว ขณะเดียวกันตนต้องเอารถมาจอดรอที่บริเวณสถานีขนส่งอาเขต เมื่อได้ผู้โดยสารก็จะออกไปส่งยังจุดหมายและขับกลับมาที่เดิม เพื่อมารอคิว ซึ่งเมื่อก่อนสมัยช่วงที่ไม่มีโควิด มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาก็มีรายได้พอสมควร แต่ในช่วงปีนี้ที่ก่อนหน้าจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด สถานการณ์ก็เริ่มแย่ลง แต่ก็ยังพอมีลูกค้า และเมื่อมีโควิด เข้ามาระลอกนี้ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอย่างมาก ทุกวันนี้ตนต้องอาศัยปรับตัว กัดฟันสู้และยังคงวิ่งรถโดยสารสี่ล้อแดงอยู่เพราะว่าหากจอดรถเฉยๆ ก็ไม่มีรายได้ ซึ่งตนก็อยากให้สถานการณ์ดีขึ้น และอยากให้มีการช่วยเหลือ ซึ่งตนเข้าใจว่าทุกวันนี้ไม่ว่าอาชีพไหนๆ ก็ต่างได้รับผลกระทบ ซึ่งตนก็มีความหวังว่าเชียงใหม่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง เพราะในปัจจุบันนี้อาชีพรถรับจ้างคนที่ทำอาชีพนี้ก็หายไปครึ่งต่อครึ่ง เพราะบางคนก็เลิกทำอาชีพนี้แล้วหันไปประกอบอาชีพอย่างอื่นแทน

ขณะที่ทางด้าน นายเต่า อายุ 50 ปี โชว์เฟอร์ขับรถตุ๊ก ตุ๊ก บอกว่า ตนทำอาชีพขับรถ ตุ๊ก ตุ๊ก มาประมาณเกือบ 10 ปีแล้ว และจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรวมถึงผลกระทบที่เกิดจากโควิด-19 ในระลอกนี้ทำให้ตนได้รับผลกระทบที่หนักกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านี้ในตอนเกิดการแพร่ระบาดโควิดระลอกแรกที่มีการปิดเมือง ปิดจังหวัด แต่ก็ยังพอมีคนเดินทาง แต่พอมีการแพร่ระบาดระลอกสองมาคนเดินทางก็เริ่มน้อยลง จนกระทั่งเกิดระลอกสาม ที่ปัจจุบันนี้คนเดินทางก็แทบไม่มี อีกทั้งโรงเรียนก็เลื่อนเปิดเทอม รายได้ของแต่ละคน แต่ละครัวเรือนก็ต่างได้รับผลกระทบกันทั้งหมด แต่ใครที่ยังพอมีทุนสำรองก็ยังพอหายใจได้ แต่ถ้าในส่วนของคนขับรถ ตุ๊ก ตุ๊ก หลายๆ คนส่วนมากจะเป็นรถเช่า ไม่ใช่รถส่วนตัว ก็จะมีค่าใช้จ่ายหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ โดยจากก่อนที่จะเกิดโควิด อาชีพรถ ตุ๊ก ตุ๊ก ที่ขับให้บริการนักท่องเที่ยว หรือประชาชนทั่วไป หาเงินได้อย่างต่ำวันละ 700-800 บาทต่อวัน แต่ในตอนนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้ตนแทบไม่มีรายได้ ซึ่งเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนมีรายได้จากการขับรถ ตุ๊ก ตุ๊ก ทั้งอาทิตย์เพียง 400 บาท และในสัปดาห์นี้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ ตนมีรายได้ที่รวมกันเพียง 350 บาท เพราะไม่มีผู้โดยสาร แต่อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ก็ต้องอาศัยกัดฟันสู้ เมื่อมีผู้โดยสารใช้บริการเท่าไหร่ก็ต้องไป เพื่อให้พอมีรายได้ในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ ในแต่ละวัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น