เกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือสิงโตคำรามจัดทัพในระบบการเล่น 4-2-3-1 โดย 11 ตัวจริง ประกอบด้วย จอร์แดน พิกฟอร์ด, กองหลัง รีซ เจมส์, จอห์น สโตนส์, ไทรอน มิงส์, ลุก ชอว์, กองกลาง ดีแคลน ไรซ์, คาลวิน ฟิลลิปส์, แนวรุก ฟิล โฟเด้น, เมสัน เมาท์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และกองหน้าตัวเป้า แฮร์รี่ เคน สวมปลอกแขนกัปตันทีม
ขณะที่ สตีฟ คลาร์ก กุนซือสกอตแลนด์จัดทีมในระบบการเล่น 3-5-2 ผู้เล่น 11 ตัวจริง ปะรกอบด้วย เดวิด มาร์แชลล์, กองหลัง แกรนต์ แฮนลีย์, คีแรน เทียร์นี่ย์, สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์, วิงแบ๊ก สตีเฟ่น โอ’ดอนเนลล์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน กองกลาง บิลลี่ กิลมอร์, คัลลัม แม็คเกรเกอร์, จอห์น แม็คกินน์, คู่กองหน้า ลินดิน ไดก์ส และเช อดัมส์
ครึ่งแรกเริ่มต้นขึ้นมาทั้งสองทีมต่างเปิดเกมบุกแลกกันสมกับเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี และมีการทำฟาวล์ตัดเกมกันหลายครั้ง นาทีที่ 11 อังกฤษพลาดโอกาสทองชวดขึ้นนำอย่างน่าเสียดายจากจังหวะที่ เมสัน เมาท์ โยนลูกเตะมุมให้ จอห์น สโตนส์ ได้ขึ้นโขกโล่งๆ บอลไปชนเสาอย่างจัง จากนั้นนาทีที่ 30 สกอตแลนด์ได้ลุ้นบ้างจาก สตีเฟ่น โอ’ดอนเนลล์ ได้โอกาสยิง แต่ จอร์แดน พิกฟอร์ด ยังพุ่งเซฟเอาไว้ได้ จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0
ครึ่งหลังอังกฤษเปิดฉากโหมบุกหนัก และได้ลุ้นทันทีในนาทีที่ 47 จาก เมสัน เมาท์ ลากบอลตัดเข้ากลางแล้วซัดเต็มข้อ แต่ เดวิด มาร์แชลล์ พุ่งเซฟปัดบอลทิ้งได้ทัน นาทีที่ 61 สกอตแลนด์ได้ลุ้นจาก ลินดิน ไดก์ส ตวัดยิงบอลพุ่งตรงกรอบ แต่ รีซ เจมส์ โหม่งสกัดทิ้งออกมาได้ทัน และนาทีที่ 63 อังกฤษ ปรับเกมรุกด้วยการส่ง แจ็ค กรีลิช ลงมาเล่นแทน ฟิล โฟเด้น
ช่วงเวลาที่เหลือ อังกฤษ บุกต่อเนื่อง แต่เจาะไม่เข้า ขณที่ สกอตแลน์ อาศัยจังหวะโต้กลับ แต่ไม่มีโอกาสจบสกอร์ จบเกมเสมอกันไป แบ่งกันไปทีมละแต้ม ทำให้ อังกฤษ ลงเตะ 2 นัด มี 4 แต้ม ได้ลุ้นผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ส่วน สกอตแลนด์ มีเพียงแค่แต้มเดียว โดยโปรแกรมนัดต่อไป อังกฤษ พบ เช็ก ขณะที่ สกอตแลนด์ พบ โครเอเชีย เตะพร้อมกันในคืนวันที่ 22 มิถุนายน เวลา 02.00 น.
ร่วมแสดงความคิดเห็น