(มีคลิป) ชายวัยรุ่นทำทีติดต่อขายพระ หลังออกร้านหยิบหมวกกันน็อควางหน้าร้านราคาหลักหมื่นติดมือ ก่อนเจ้าตัวติดตามหาจนเจอถูกนำไปขายเพียง 300 บาท ล่าสุดทราบตัวคนร้าย เรียกตัวมาพูดคุย หวังให้โอกาส

ภาพวงจรปิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในร้าน พระเครื่องแห่งหนึ่งย่านโลตัสคำเที่ยง อ.เมืองเชียงใหม่ ที่ทางเจ้าของร้าน ได้นำมาโพสต์ลงในโซเชียล เพื่อขอความช่วยเหลือในการติดตามตัวชายหนุ่มเสื้อลายภายในคลิป อายุประมาณ 19-20 ปี ที่ก่อนเกิดเหตุ ชายหนุ่มคนดังกล่าวได้เข้ามาภายในร้าน ทำทีนำพระเครื่องมาขายให้กับทางร้าน และหลังพูดคุยกับทางเจ้าของร้านไม่นาน ชายคนดังกล่าวได้เดินออกจากร้าน พร้อมกับหยิบหมวกกันน็อคบิ๊กไบค์ สีแดง ซึ่งเป็นของเจ้าของร้าน ที่วางอยู่บริเวณด้านหน้าติดมือไปอย่างหน้าตาเฉย โดยไม่เกรงกลัวคนที่อยู่ภายในร้าน และกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ในร้าน ที่ได้บันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้อย่างชัดเจน

 

ขณะที่ในเวลาต่อมา ทางผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้เสียหายรายนี้ ทราบชื่อในวงการพระเครื่องคือ “ก้อย บารมี” อายุ 34 ปี เจ้าของร้านพระเครื่องและวัตถุมงคลหลวงพ่อรวย “ก้อยบารมีเชียงใหม่” ที่อยู่ภายในตลาดพระเครื่องย่านโลตัสคำเที่ยง โดยทางเจ้าตัวเล่าว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นช่วงเย็นวานนี้ (19 มิ.ย.64) เวลาประมาณ 17.38 น. โดยชายวัยรุ่นเสื้อลายที่ปรากฏภายในคลิปได้เดินเข้ามาที่ร้านทำทีนำพระเครื่องซึ่งเป็นพระกรุมาขายให้กับทางร้าน แต่ทางตนได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่าพระองค์ดังกล่าวไม่ใช่พระแท้ซึ่งเป็นพระที่อยู่ในกองตลาด แต่ทางชายคนดังกล่าวก็อ้างเหตุผลว่า ตัวเองตกงาน ไม่มีเงินกินข้าว ด้วยความเห็นใจ ตนจึงรับพระเครื่องที่ชายคนดังกล่าวนำมาขายไว้ เพื่อช่วยเหลือให้เงินไปกินข้าว 200 บาท พร้อมทั้งบอกด้วยว่าหากอยากได้คืนวันข้างหน้าก็สามารถนำเงินมาไถ่คืนไปได้ และภายหลังจากที่ได้เงินไปทางชายหนุ่มคนดังกล่าวก็ได้ยกมือไหว้ร่ำลา ก่อนจะเปิดประตูออกจากร้าน โดยระหว่างนั้นตนก็ไม่ทันได้ระวังตัว และไม่ทันสังเกต เพราะไม่คิดว่าจะมีภัย โดยหลังจากชายคนดังกล่าวออกร้านไปก็ปรากฏว่าได้หยิบหมวกกันน็อคที่วางไว้หน้าร้านไป โดยที่ตนก็ยังไม่รู้ตัวจนกระทั่งถึงเวลาปิดร้าน ถัดไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จึงรู้ว่าหมวกกันน็อคหายไป และมาตรวจกล้องวงจรปิดก็พบว่าชายคนดังกล่าวขโมยไป

 

นายก้อย บารมี บอกอีกว่า เหตุการณ์การที่เกิดขึ้นไม่คิดว่าชายคนดังกล่าวจะกล้าก่อเหตุ และตนคิดว่าเพิ่งทำบุญช่วยเหลือไป แต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ โดยหมวกกันน็อคที่ถูกขโมยไปนั้นเป็นยี่ห้อ SHOEI ราคา 25,000 บาท หลังจากทราบเรื่อง ตนก็ได้ประกาศติดตามหาในโซเชียล และเพจต่างๆ รวมทั้งแจ้งพรรคพวกกลุ่มบิ๊กไบค์ที่รู้จักกัน จนกระทั่งไม่นานก็ทราบจากพลเมืองดีที่เปิดร้านที่รู้จักกัน ได้แจ้งมาทางตนว่า มีคนนำหมวกกันน็อคมาติดต่อขายที่ร้าน ไม่ทราบรุ่นและยี่ห้อ โดยทางชายคนดังกล่าวที่เอาไปนั้นคงไม่ทราบว่าหมวกกันน็อคดังกล่าวมีมูลค่า และได้เสนอขายกับทางร้านเพียงราคา 300 บาท ซึ่งทำให้ทางร้านผิดสังเกตและคาดว่าเป็นหมวกที่ถูกขโมยมา จึงได้รีบรับไว้ พร้อมทั้งขอสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของชายคนดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน จนทำให้ทราบตัวในที่สุด

นายก้อย บารมี บอกด้วยว่า อย่างไรก็ตามในตอนนี้ทางตนก็ทราบตัวชายคนก่อเหตุและมีหลักฐานพร้อมที่จะดำเนินคดี โดยตนอาจจะเข้าไปเจรจากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเป็นคดีลักทรัพย์แต่ตอนนี้ตนก็ได้ทรัพย์สินคืนแล้ว จึงอยากปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนว่าจะดำเนินการในลักษณะใด โดยในเบื้องต้นตอนนี้ตนกำลังจะเรียกตัวชายคนก่อเหตุมาพบ พร้อมทั้งจะว่ากล่าวตักเตือน และอาจจะพิจารณาไม่เอาความก็ได้ หากเจ้าตัวสำนึกผิด โดยจะดูจากพฤติกรรมของชายคนดังกล่าวอีกที เนื่องจากตนก็ไม่อยากให้ชายคนดังกล่าวเสียอนาคต เพราะหากแจ้งความดำเนินคดีไปก็อาจทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป ตนจึงอยากลองพูดคุยตักเตือนก่อน แต่หากพบว่ามีพฤติกรรมที่ไม่ดี ก็คงต้องส่งตัวให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น