กองทัพนำเมล็ดพันธุ์พืชพระราชทาน แจกประชาชนปลูกเกิดความมั่นคงด้านอาหารในพื้นที่ภาคเหนือ

วันที่ 23 มิถุนายน 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 138 ณ ศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันโท หญิง บุณฑริกา ฑีฆวาณิช ผู้ช่วยโฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำริให้กองทัพภาคที่ 3 ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชพระราชทาน “เพื่อนช่วยเพื่อน” พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง เมื่อปี 2560 มีที่ตั้ง ณ กองพันซ่อมบำรุงที่ 23 กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์พืชพระราชทานแจกจ่ายแก่ประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ และแจกจ่ายแก่ทหารกองประจำการที่ปลดประจำการแล้วนำไปปลูก เพื่อมีเมล็ดพันธุ์พืชดี มีคุณภาพ สามารถปลูกและเก็บเมล็ดพันธุ์ปลูกได้ต่อๆ ไป อีกทั้งทนทานต่อโรคและแมลงในพื้นที่ โดยมีมูลนิธิชัยพัฒนา ร่วมให้การสนับสนุน ปัจจุบันมีพื้นที่ดำเนินงาน 201 ไร่ มีแปลงปลูกพืชผัก 13 แปลง ปลูกผักพื้นบ้านที่สามารถนำเมล็ดพันธุ์มาบรรจุซอง เป็นเมล็ดพันธุ์พืชพระราชทาน จำนวน 10 ชนิด ประกอบด้วย พริกขี้หนู, มะเขือเปราะเจ้าพระยา, คะน้า, ถั่วฝักยาวสีม่วงสิรินธร เบอร์ 1, บวบเหลี่ยม, บวบงู, ถั่วพู, กระเจี๊ยบเขียว, กะเพราแดง และแตงกวา ซึ่งมีสรรพคุณของผักพื้นบ้านแต่ละชนิด ดังนี้

1. พริกขี้หนู 1.1 พริกมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย 1.2 ช่วยให้อารมณ์ดี ทำให้ร่างกายสร้างสาร Endorphin (สารแห่งความสุข) 1.3 สารแคปไซซินช่วยให้เกิดอาการตื่นตัวของร่างกาย 1.4 พริกช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด ลดน้ำมูก และลดเสมหะ 1.5 ช่วยบรรเทาอาการไอ 2. มะเขือเปราะเจ้าพระยา 2.1ใช้เป็นยาแก้ไข้พิษร้อน กระทุ้งพิษไข้ ใช้เป็นยาขับน้ำชื้น 2.2 ผลตากแห้งนำมาบดเป็นผงผสมกับน้ำผึ้งใช้ปรุงเป็นยาแก้ไอ 2.3 รากใช้เป็นยาแก้หอบหืด หลอดลมอักเสบ 2.4 ช่วยในการย่อยอาหาร และช่วยในการขับถ่าย 2.5 ผลมีสรรพคุณเป็นยาขับพยาธิ

3. คะน้า 3.1บำรุงสายตา 3.2เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก 3.3 บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง 3.4 บำรุงผิวพรรณ เพิ่มคอลลาเจนให้ผิว
3.5 ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย 4. ถั่วฝักยาวสีม่วงสิรินธร เบอร์ 1 และ 4.1ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน 4.2 ถั่วฝักยาวมีประโยชน์ช่วยป้องกันและรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน 4.3 ช่วยแก้กระหาย ให้รสชุ่มชื่น ด้วยการใช้เมล็ดแห้งหรือสดนำมาคั้นสดหรือต้มกินกับน้ำ (เมล็ด) 4.4 ช่วยแก้อาเจียน ด้วยการใช้เมล็ดแห้งหรือสดนำมาคั้นสดหรือต้มกินกับน้ำ (เมล็ด) 4.5 ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นท้อง เรอเปรี้ยว ด้วยการเคี้ยวฝักสดกิน (ฝัก)

5. บวบเหลี่ยม 5.1 ผลเป็นยาเย็น สรรพคุณเป็นยาลดไข้ 5.2 ผลและเมล็ดช่วยแก้ร้อนใน ส่วนน้ำจากเถาใช้ผสมกับน้ำตาลทรายกินพอประมาณก็เป็นยาบรรเทาอาการร้อนใน 5.3 ช่วยแก้อาการบวมน้ำ ด้วยการใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือจะใช้น้ำจากเถาผสมกับน้ำตาลทรายกินพอประมาณ 5.4 ใบสดนำมาตำพอกแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย แก้พิษคัน 5.5 ช่วยรักษาบาดแผลเรื้อรัง แผลจากแมลงสัตว์กัดต่อย ด้วยการใช้ใบนำมาต้มเอาแต่น้ำใช้ชะล้าง หรือจะตำพอก หรือบดให้เป็นผงละเอียดผสมเป็นยาทาก็ได้

6.บวบงู 6.1 ช่วยบรรเทาท่อน้ำดีอุดตัน 6.2 ช่วยขับพยาธิ 6.3 ช่วยลดไขมันในเลือด เป็นยาระบายอ่อนๆ 6.4 ช่วยขับน้ำนมในสตรีคลอดลูก 6.5 ช่วยดับร้อน แก้ร้อนใน 7. ถั่วพู 7.1 ถั่วพูอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ ซี อี 7.2 หัวถั่วพูช่วยแก้ไข้กาฬ 7.3 ช่วยแก้อาการตัวร้อน ลดไข้ในเด็กทารก 7.4 ใบถั่วพูช่วยแก้อาการอาเจียน 7.5 หัวช่วยแก้อาการร้อนใน กระหายน้ำ

8. กระเจี๊ยบเขียว 8.1 ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และคนที่กำลังควบคุมน้ำตาล-น้ำหนัก 8.2 ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระเพาะอาหาร เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ และลำอักเสบได้ 8.3ช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหาร 8.4 ฝักกระเจี๊ยบต้มเกลืออ่อนๆ สามารถแก้อาการกรดไหลย้อนได้ 8.5 มีโฟเลตสูง ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง และเป็นสิ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์

9. กะเพราแดง 9.1 ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นและป้องกันอาการหวัดได้ 9.2 รากแห้งนำมาชงหรือต้มกับน้ำร้อนดื่ม ช่วยแก้โรคธาตุพิการ 9.3 ช่วยแก้อาการคลื่นเหียนอาเจียน 9.4 ช่วยแก้อาการปวดมวนท้อง 9.5ใบกะเพรามีสรรพคุณช่วยขับลมในกระเพาะ 10. แตงกวา 10.1 แตงกวามีสรรพคุณช่วยแก้กระหาย ลดความร้อนในร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น 10.2 ช่วยลดความดันโลหิต 10.3 ช่วยรักษาสมดุลต่างๆ ในร่างกาย รักษาระดับน้ำตาลในเลือด ระดับภูมิคุ้มกันให้อยู่ในสุขภาพดี 10.4 ช่วยควบคุมระดับความดันเลือดและความสมดุลของสารอาหารในร่างกาย 10.5 ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ

จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชพระราชทาน “เพื่อนช่วยเพื่อน” พื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ได้ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชพระราชทาน ทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อพระราชทานแก่หน่วยทหารในพื้นที่ กองทัพภาคที่ 3, ส่วนราชการพลเรือน รวมทั้งราษฎรและเกษตรกร ในพื้นที่ภาคเหนือ ไปแล้วกว่า 94,800 ซอง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ สร้างความซาบซึ้ง และความสุขให้แก่ราษฎรเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับทราบว่าพระองค์ฯ ทรงห่วงใย และทรงตระหนักถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต และความเป็นอยู่ของราษฎร จึงทรงพระกรุณาฯ พระราชทานเมล็ดพันธุ์พืชดังกล่าว สำหรับนำไปเพาะปลูกเพื่อการดำรงชีพ หรือสร้างรายได้ต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น