กรมอนามัย ย้ำ ‘ผู้ปรุง–ผู้สัมผัสอาหาร’ มือเป็นแผล ลดเสี่ยงสัมผัสหมูดิบโดยตรง สวมถุงมือ ใช้ที่คีบช่วยได้

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ย้ำ ผู้ปรุงประกอบอาหาร และผู้สัมผัสอาหารร้านอาหารประเภทชาบู ปิ้งย่าง สวมถุงมือหรือใช้ที่คีบหยิบจับหมูดิบแทนการใช้มือหยิบจับโดยตรง หรือหากมือเป็นแผล ควรปิดพลาสเตอร์ป้องกัน และล้างมือด้วยสบู่และน้ำก่อน-หลังปรุงอาหาร และก่อนกินอาหารทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงโรคไข้หูดับ หรือนำเชื้อสเตรฟโตคอกคัส ซูอิส เข้าสู่ร่างกาย

​​นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีพบผู้เสียชีวิตด้วย โรคไข้หูดับ ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เสียชีวิตจากการได้รับเชื้อสเตรปโตคอคคัส ซูอิส ที่เป็นสาเหตุของโรคไข้หูดับ ผ่านทางบาดแผลที่มือที่มีการจับเนื้อหมูดิบก่อนนำมาเป็นวัตถุดิบเมนูหมูกะทะดังนั้น จึงขอย้ำให้ผู้บริโภคไม่ควรใช้มือที่ไม่สะอาดหรือเป็นแผลหยิบจับอาหารประเภทเนื้อหมูดิบ เพราะอาจจะปนเปื้อนและเป็นแหล่งนำเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกายได้ ก่อนปรุงประกอบอาหารควรสวมใส่ถุงมือสำหรับอาหารโดยเฉพาะ ซึ่งถุงมือที่ใช้ต้องมีสภาพดี ไม่สกปรก ไม่ฉีกขาด ไม่ควรใช้ถุงมือที่ทำมาจากพลาสติกรีไซเคิล และควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่มีการรับรองมาตรฐานตลาดสดน่าซื้อ หรือจากเขียงหมูที่ได้รับการรับรอง จากกรมปศุสัตว์ที่รับจากโรงฆ่าสัตว์ที่ได้มาตรฐาน

​“ทั้งนี้ สำหรับผู้สัมผัสอาหารในร้านอาหารต่างๆ หรือร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ประเภทชาบู ปิ้งย่างมีการหยิบจับเนื้อสัตว์อยู่เป็นประจำ ควรมีการสวมถุงมือทุกครั้งหรือใช้ที่คีบที่สะอาด ที่สำคัญควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำ ก่อน-หลังปรุงอาหารทุกครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดี ส่วนผู้บริโภค ทางร้านควรแยกอุปกรณ์ในการคีบเนื้อสัตว์ เช่น ช้อน ส้อม ตะเกียบ และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการกินคนละชุดกัน เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเชื้อต่าง ๆ ที่มากับ หมูดิบได้ อีกทั้งยังสามารถหลีกเลี่ยงการหยิบจับ สัมผัสอุปกรณ์ร่วมกัน ทำให้มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อโควิดด้วย สำหรับการนั่งกินภายในร้านควรรักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร ไม่ใช้เวลานานเกิน 2 ชั่วโมง และควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ แต่ควรปรุงให้สุกด้วยอุณหภูมิตั้งแต่ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป อย่างน้อย 10 นาที นอกจากนี้ หากเนื้อหมูดิบที่ซื้อมาประกอบอาหารแล้วใช้ไม่หมด ควรเก็บในอุณหภูมิ 0-5 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเก็บได้นาน 3-5 วัน หรือเก็บในช่องแช่เย็นที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส จะช่วยให้เก็บได้นานถึง 12 เดือน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น