เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2564 ผู้ใช้ชื่อว่า “เป๊ก แม่แจ่ม” ได้โพสต์ลงโซเชียลมีข้อความว่า “ทำเหนื่อยแทบตาย ขายได้โลละ 1.50 บาท” พร้อมกับรูปภาพของเกษตรกรผู้ปลูกกระหล่ำชาว อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่พื้นที่ปลูกกระหล่ำ การเก็บเกี่ยวผลผลิตใส่รถบรรทุกขนถ่ายออกจากพื้นที่ปลูก สู่ท้องตลาดด้วยความยากลำบากจากพื้นผิวถนน ประกอบอยู่ในช่วงฤดูฝนมักเกิดอุบัติรถบรรทุกกระหล่ำพลิกคว่ำอยู่เนืองๆ และมีการนำกระหล่ำปลีมาให้วัว-ควาย กิน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทาง เป๊ก แม่แจ่ม เปิดเผยว่าใน อ.แม่แจ่ม มีพื้นที่ปลูกกระหล่ำมากที่สุดแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งที่ผ่านถือได้ว่าการปลูกกระหล่ำสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาว อ.แม่แจ่ม แต่เมื่อช่วงปีนี้ราคากระหล่ำลดฮวบเนื่องจากผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ความต้องการกระหล่ำเป็นวัตถุดิบในการประกอบอาหารจึงลดน้อยลง ส่วนตลาดใหญ่ๆ เช่น ตลาดไท ก็ปิดรับซื้อ ได้ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ในขณะนี้กระหล่ำล้นตลาด เหลือเพียงกิโลกรัมละ 1.50 บาท (จากไร่) เมื่อขนจากบนดอยสู่ผู้รับซื้อในตัว อ.แม่แจ่ม อยู่ในราคากิโลกรัมละ 2-2.50 บาท
ทางด้านเกษตรกรชาวขุนแม่รวม ต.แจ่มหลวง อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ เล่าว่าพื้นที่ปลูกกระหล่ำบ้านขุนแม่รวม เป็นเขตติดต่อ อ.แม่แจ่ม มีการปลูกกระหล่ำมากเช่นกัน การขนย้ายกระหล่ำจากไร่ สู่ผู้รับซื้อ (พ่อค้าคนกลาง) ที่ อ.แม่แจ่ม รวมระยะทาง 72 กิโลเมตร เส้นทางยากลำบากมากเป็นทั้งหลุมทั้งโคลนล้อรถยนต์ทุกคัน ต้องร้อยโซ่เหล็กเพื่อป้องกันลื่น อย่างเช่นวานนี้ (21 ก.ค. 64) รถบรรทุกกระหล่ำปลีออกจากบ้านขุนแม่รวม เวลาประมาณ 09.00 น. ปรากฎว่าระหว่างนั้นล้อรถเกิดหลุด เนื่องจากบรรทุกหนัก ประมาณ 2 ตันกว่า ทำให้รถขวางถนน รถบรรทุกกระหล่ำไม่สามารถผ่านได้ ต้องนำช่างจาก อ.แม่แจ่มไปซ่อมรถ กว่าจะแล้วเสร็จมาถึง อ.แม่แจ่ม ประมาณตี 3 เมื่อมาช้ากว่าเวลากำหนดก็ถูกกดราคาอีก
เกษตรกรชาวขุนแม่รวม กล่าวอีกว่า ราคากระหล่ำกิโลกรัมละ 1.50 บาท ต้องเป็นกระหล่ำลูกโต เนื้อแน่น ถ้าเป็นลูกเล็กจะไม่รับซื้อเลย ทางเกษตรกรหลายรายต้องปล่อยเน่าทิ้งไว้คาไร่ หรือนำมาให้วัว-ควายกิน
ขอบคุณ/เป๊ก แม่แจ่ม,ผักไผ่ ยอดรัก
ร่วมแสดงความคิดเห็น