กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ร่วมสร้างกำลังใจในช่วงโควิด-19

 

วันที่ 4 สิงหาคม 2564 กองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 แถลงข่าวประชาสัมพันธ์ ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 144 ณ ศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พันโท หญิง บุณฑริกา ฑีฆวาณิช ผู้ช่วยโฆษกกองทัพภาคที่ 3/กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 เป็นผู้แถลงข่าวฯ มีสาระสำคัญดังนี้.-

 

สถานการณ์ปัจจุบัน การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้ขยายไปในวงกว้าง สร้างความตื่นตระหนกต่อประชาชน โดยองค์การอนามัยโลกได้รายงานการแพร่ระบาดของโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีการพบผู้ป่วยด้วยโรคไวรัสดังกล่าวในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย และได้ประกาศการแพร่ระบาดของโรคไวรัสนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เพื่อให้รัฐบาลทั่วโลกเพิ่มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด

 

 

ปัจจุบันประเทศไทยมีประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดไปแล้ว 18 ล้านกว่าโดส แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่แพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วเป็นจำนวนมาก ทางรัฐบาลจำเป็นต้องสร้างโรงพยาบาลสนาม ศูนย์พักคอย และส่งผู้ติดเชื้อโควิดสีเขียวที่มีอาการไม่หนักกลับภูมิลำเนา เพื่อให้ได้กลับไปพักรักษาตัวยังจังหวัดภูมิลำเนา เป็นการช่วยลดความแออัดของผู้ป่วยในเขตเมือง ในขณะที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องทุ่มกำลังเต็มที่เพื่อดูแลผู้ป่วยสีแดงมีอาการหนักไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองมีโอกาสเสียชีวิตสูง และคอยดูแลผู้ป่วยสีเหลืองอย่างใกล้ชิด ดังนั้นสิ่งสำคัญในตอนนี้คือ ผู้ป่วยสีเขียวที่ต้องดูแลตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม,ศูนย์พักคอย หรือที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ต้องช่วยกันดูแลด้วยการทำตามคำแนะนำจากบุคลากรทางการแพทย์หรือต้องสร้างกำลังกายให้แข็งแรง ด้วยการรับประทานยาตามอาการที่แพทย์แนะนำ หรือการใช้สมุนไพรไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร ที่แพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข ให้การรับรองว่า สามารถช่วยรักษาโรคโควิด 19 รวมทั้งการใช้สมุนไพรไทยชนิดอื่น ๆ ที่หาได้ตามครัวเรือน อาทิเช่น กระชายขาว, ขิง, กระเทียม, ขมิ้นชัน เพื่อให้ลดอาการป่วย และต้องสร้างกำลังใจให้เข้มแข็งอย่างยิ่ง
สำหรับพุทธศาสนิกชน สิ่งที่เป็นที่พึ่งทางใจได้ดีที่สุดในตอนนี้ คือการช่วยเหลือจุนเจือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ไม่แสดงอาการรังเกียจผู้ติดเชื้อที่ต้องกลับมาดูแลตัวเองที่บ้าน พร้อมกันผู้ป่วยที่กลับไปดูแลตัวเองที่บ้านก็ต้องเคร่งครัดอยู่กับที่พักไม่ออกไปแพร่เชื้อสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น อยู่กับที่เพื่อรักษาตัวเอง ช่วยกันป้องกันสังคมที่อยู่ให้ปลอดภัย และหมั่นสร้างที่พึ่งทางใจด้วยการไหว้พระสวดมนต์ ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย อันได้แก่พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ นำหลักธรรมที่เป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน คือ หลักธรรมที่ทำให้ตนเป็นที่พึ่งของตนได้ มีอยู่ 10 ประการ ได้แก่

1. ความประพฤติดีงามสุจริต รักษาระเบียบวินัย
2. ความเป็นผู้ได้ศึกษาเล่าเรียนมาก มีความรู้ความเข้าใจลึกซึ้งในข้อมูลข่าวสาร
3. ความมีกัลยาณมิตร การคบคนดี ได้ที่ปรึกษา และผู้แนะนำสั่งสอนที่ดี
4. ความเป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย รับฟังเหตุผล
5. ความเอาใจใส่ช่วยขวนขวายในกิจใหญ่น้อยทุกอย่างของเพื่อนร่วมหมู่คณะ รู้จักพิจารณาไตร่ตรอง สามารถจัดทำให้สำเร็จเรียบร้อย
6. ความเป็นผู้ใคร่ธรรม คือ รักธรรม ใฝ่ความรู้ใฝ่ความจริง รู้จักพูดรู้จักฟัง ทำให้เกิดความพอใจ น่าร่วมปรึกษาสนทนา ชอบศึกษา ยินดีปรีดาในหลักธรรมหลักวินัยที่ละเอียดลึกซึ้งยิ่งๆ ขึ้นไป
7. ความขยันหมั่นเพียร คือ เพียรละความชั่ว ประกอบความดีมีใจแกล้วกล้า บากบั่นก้าวหน้า ไม่ย่อท้อ ไม่ทอดทิ้งธุระ
8. ความสันโดษ คือ ยินดี มีความสุขความพอใจด้วยปัจจัย 4 ที่หามาได้ด้วยความเพียรอันชอบธรรมของตน
9. ความมีสติ รู้จักกำหนดจดจำ ระลึกการที่ทำ คำที่พูดไว้ได้ ไม่มีความประมาท
10. ความมีปัญญาหยั่งรู้เหตุผล รู้จักคิดพิจารณา เข้าใจภาวะของสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง
หลักธรรมทั้ง 10 ประการนี้ เรียกว่า “นาถกรณธรรม” เป็น ธรรมมีอุปการะมาก เพราะเป็นกำลังหนุนในการบำเพ็ญคุณธรรมต่างๆ ทำประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นให้สำเร็จได้อย่างกว้างขวางไพบูลย์
หลักธรรมอันเป็นที่พึ่งทั้ง 10 ประการ ในข้อที่ 9 และ 10 ตรงกับข้อธรรมกำลังใจในภาวะเกิดโรคระบาดไวรัสโควิด- 19 ของ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆ ปริณายก ที่ได้ประทานให้ไว้แก่พุทธศาสนิกชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ว่า “ทุกคนมีหน้าที่แสวงหาหนทางเพิ่มพูน “สติ” และ “ปัญญา” พร้อมทั้งแบ่งปันหยิบยื่นให้แก่เพื่อนร่วมสังคม อย่าปล่อยให้ความกลัวภัย… และความหดหู่ท้อถอยคุกคามเข้าบั่นทอนความเข้มแข็งของจิตใจในอันที่จะอดทน พากเพียร เสียสละ และสามัคคี”
ดังนั้นพี่น้องชาวไทย จึงควรสร้างกำลังกายและสร้างกำลังใจให้ตัวเองให้มาก ดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี เพื่อที่จะทำให้รอดพ้นจากสถานการณ์ในครั้งนี้ไปได้ และเมื่อเป็นที่พึ่งให้ตัวเองได้แล้ว ก็สามารถที่จะเป็นที่พึ่งให้คนในครอบครัวและสังคมได้ในที่สุด

“อตฺตานํ หิ อตฺตโน นาถํ กเรยฺย จ ปเรสํ”
บุคคลควรทำตนเองแลให้เป็นที่พึ่งของตนและของคนเหล่าอื่น
ร้อยเอก พรสวรรค์ จันโปรด , ป.ธ.9 , พธ.ม.
อนุศาสนาจารย์ มณฑลทหารบกที่ 31

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น