เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 16 ก.ย. 2564 นายสวัสดิ์ ดวงดี ประธานกลุ่มทำนา อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ นายเสถียร มณีผ่อง ประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำ ต.แม่สาว พร้อมนายสมชาย สุวรรณ นายก อบต.แม่สาว นายสงวน กองแก้ว ตัวแทนเกษตรกรผู้ทำนาทั้งใน อ.แม่อาย และ อ.ฝาง ได้เข้าพบนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทวงถามความคืบหน้ากรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในพื้นที่ 2 อำเภอ ทำนาแล้วขายข้าวได้เพียง กก.ละ 4.50-5 บาท เกษตรกรได้รวบรวมรายชื่อเกษตรกรที่ทำนา ลงลายมือชื่อ และเลขบัตรประชาชนของเกษตรกรที่เดือดร้อนทั้งหมด นำส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ เกษตรอำเภอ และสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกลัวว่าเรื่องจะเงียบหายไป วันนี้ตัวแทนเกษตรกรจึงเดินทางเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ดังกล่าว แต่ท่านผู้ว่าฯไม่อยู่ จึงแจ้งเรื่องไว้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่
เกษตรกรผู้ปลูกข้าวทำนา ทราบปัญหาราคาข้าวที่ตกต่ำแล้วนั้นทางนายสวัสดิ์ ดวงดี ประธานกลุ่มทำนา อ.แม่อาย และนายเสถียร มณีผ่อง ประธานกลุ่มผู้ใช้น้ำ ต.แม่สาว อ.แม่อาย นายก อบต.แม่สาว พร้อมนายสมศักดิ์ เขื่อนแก้ว ส.อบต.แม่สาว ให้เกษตรกรรวบรวมรายชื่อเกษตรกรที่ทำนา 2 อำเภอ คือ อ.แม่อาย และ อ.ฝาง เสนอปัญหาให้นายนิโรจน์ วันดี สมาชิกสภาเกษตรกร จ.เชียงใหม่ เขต อ.ฝาง พร้อมกับนายนิคม ตันจิน๊ะ สมาชิกสภาเกษตรกร จ.เชียงใหม่ เขต อ.ฝาง ได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวข้างต้น จึงได้ประชุมรับทราบปัญหาและความต้องการของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่า ขอเสนอให้รัฐบาลได้พิจารณาข้อมูลผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ของข้าวเปลือกเหนียว โดยขอให้นำเอาผลผลิตของเกษตรกรที่ผลิตได้จริงมาใช้คำนวณชดเชยประกันรายได้ ซึ่งไม่ต่ำกว่า 650 กิโลกรัมต่อไร่ ได้เสนอต่อไปยังสภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2564
ต่อมาวันที่ 13 ก.ย.2564 นายสมหมาย คำมาสาร สภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ ได้ทำหนังสือถึงท่านประมาณ สว่างญาติ สมาชิกวุฒิสภา เพื่อขอให้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และประสานกับสภาเกษตรกรในภาคเหนือ 8 จังหวัด ที่ทราบว่าราคาข้าวตกต่ำเช่นกัน เพื่อขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ในกรณีของการนำข้อมูลผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ของข้าวเปลือกเหนียวมาใช้คำนวณชดเชยประกันรายได้ ซึ่งรัฐบาลโดยคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ได้อนุมัติให้นำผลผลิตเข้าวเปลือกเหนียว จำนวน 391 กิโลกรัมต่อไร่ มาคำนวณตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/2565 โดยข้อเท็จจริงเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จ.เชียงใหม่ สามารถผลิตได้จริงอยู่ที่ 800-1,100 กิโลกรัมต่อไร่ คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติได้กำหนดปริมาณตำกว่าการผลิตได้จริงอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น เกษตรกรผู้ปลูกข้าว มีความต้องการให้รัฐบาลพิจารณาปรับข้อมูลผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ของข้าวเปลือกเหนียวที่เกษตรกรผลิตได้จริงมาใช้คำนวนชดเชยประกันรายได้ ซึ่งไม่ต่ำกว่า 650 กิโลกรัมต่อไร่
สภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในปี พ.ศ. 2564/2565 คือ 1.ขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณาข้อมูลผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ข้องข้าวเปลือกเหนียว โดยขอให้นำเอาผลผลิตของเกษตรกรที่ผลิตได้จริงมาใช้คำนวนชดเชยประกันรายได้ ต้องไม่ต่ำกว่า 250 กิโลกรัมต่อไร่, ข้อ 2.ขอให้รัฐบาลพิจารณาข้อมูลผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่โดยแยกเป็นรายชนิดพันธุ์ เนื่องจาก เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในเชียงใหม่ ได้มีการปลูกข้าวเหนียวมากที่สุด ซึ่งเป็นพันธุ์สันป่าตอง 1 และพันธุ์ กข.6 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามในเช้าวันที่ 16 ก.ย. ทางตัวแทนเกษตรกรที่เดินทางไปศาลากลางที่ศูนย์ดำรงธรรมเชียงใหม่ ก็เพื่อขอให้ทางจังหวัดเชียงใหม่ ได้ทราบถึงปัญหาปากท้องของชาวบ้าน โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ทำนาที่ได้รับความเดือดร้อนมากในปีนี้ และขอให้แก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ด้วย
ร่วมแสดงความคิดเห็น