ผวจ.เชียงราย พร้อมคณะตรวจเยี่ยม สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อ.เวียงป่าเป้า-อ.แม่สรวย

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2564 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงราย พร้อมด้วย นายบุญมี แก้วจันทร์ รองนายแพทย์ สสจ.เชียงราย และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศปก.) อำเภอ และศูนย์กักตัวในชุมชน ที่ อ.เวียงป่าเป้า  โดยมี นายวุฒิกร คำมา นอภ.เวียงป่า เป้า สสอ.เวียงป่าเป้า ผอ.รพ.เวียงป่าเป้า และ ผอ.รพ.สต. ผู้นำ อปท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่  ร่วมให้การต้อนรับ และรายงานสถานการณ์โดยรวม ของการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ ผู้ป่วยสะสม จำนวน 48 ราย ไม่มีผู้ป่วยที่อยู่ในศูนย์กักตัวในชุมชน เข้าร่วมโครงการเวียงป่าเป้าปิ๊กบ้าน จำนวน 34 ราย

นายวุฒิกร คำมา นอภ.เวียป่าเป้า กล่าวว่า อ.เวียงป่าเป้า มีหมู่บ้านที่เป็น หมู่บ้าน ต.สีฟ้า ตามนโยบายของ ผวจ.เชียงราย จำนวน 92 หมู่บ้าน 7 ตำบล และสั่งการให้ทุกหมู่บ้าน ชุมชน เข้มงวดกวดขันกันอย่างต่อเนื่อง ตรวจวัดคัดกรองผู้ที่ผ่านเข้าออกในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดกลุ่มเสี่ยง และให้มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด โดยเฉพาะ อ.เวียงป่าเป้า เป็นอำเภอที่มีการสัญจรผ่านเชื่อมต่อระหว่าง จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ จึงต้องมีการเข้มงวดเป็นพิเศษ พร้อมออกเยี่ยมเยือนติดตามประชาชนตามคลัสเตอร์ต่างๆ โดยเฉพาะที่ตำบลที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ที่ผ่านมา และพื้นที่อื่นๆ

จากนั้น ผวจ.เชียงราย พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมติดตามสถาน การณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ที่ อ.แม่สรวย โดยมี นายคฑาสิทธิ์ เนื่องหล้า นอภ.แม่สรวย สสอ.แม่สรวย ผอ.รพ.แม่สรวย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำ อปท.ในพื้นที่ รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 โดยรวม โดยที่ผ่านมามีผู้ป่วยสะสม จำนวน 38 ราย ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาและกักตัวในศูนย์กักตัวในชุมชน ไม่มีผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการ แม่สรวยปิ๊กบ้าน จำนวน 67 ราย และมีหมู่บ้าน ตำบล ที่เป็นพื้นที่สีฟ้า จำนวน 99 หมู่บ้าน 7 ตำบล

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงราย เผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ศปก. ทั้ง 2 อำเภอ ได้แนะนำให้รักษาสถิติทุกพื้นที่ หมู่บ้าน ตำบล ที่เป็นพื้นที่สีฟ้า ปลอดจากโรคโควิด-19 อย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดนั้นดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องป้องกันตัวให้ปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา และการเข้ารับการฉีดวัคซีนตามที่ภาครัฐกำหนด โดยผู้สูงอายุและผู้ที่อยู่ใน 7 โรคกลุ่มเสี่ยง และหญิงตั้งครรถ์จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันลดความรุนแรงของโรค หากเกิดกรณีติดเชื้อขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ได้เน้นย้ำให้ ผู้นำ อปท.ทุกแห่ง สร้างความเข้าใจประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในทุกพื้นที่ สร้างความตระหนักรู้ แต่อย่าตื่นตระหนกด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น