กลุ่มควาญช้าง กว่า 30 คน ทำหนังสือขอลาออกจากพนักงาน เนื่องจากไม่ได้รับเงินเดือนมานานกว่า 3 เดือนแล้ว

กรณี พนักงานและควาญช้างปางช้างแม่สา ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้ออกมาชุมนุมประท้วงผู้บริหารปางช้างแม่สา กรณีไม่จ่ายเงินเดือนให้เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ต้องเป็นหนี้เป็นสินกันไม่มีจะกิน จึงขอเรียกร้องให้จ่ายเงินเพื่อประทังชีวิต ทางผู้บริหารเข้าเจรจาขอเวลา 7 วันเนื่องจากมีปัญหาในเรื่องการจัดการมรดกที่ยืดเยื้อกว่า 3 ปีและผจญปัญหาโควิด-19 ไร้นักท่องเที่ยวจนเงินปางช้างหมดเกิดปัญหาในการเลี้ยงดูช้าง จึงขอเวลาเจรจากันในกลุ่มผู้บริหารเพื่อหาข้อยุติ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ก.ย. 64 ที่ปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้มีกลุ่มควาญช้าง จำนวนกว่า 30 คนจากควาญช้างทั้งหมด 63 คน ได้ทำหนังสือขอลาออกจากพนักงาน เนื่องจากพนักงานทุกคนภายในปางช้างแม่สาจำนวนกว่า 130 คนไม่มีใครได้รับเงินเดือนมานานกว่า 3 เดือนแล้วโดยมียื่นต่อ นางรัตนา ศรีหมอก ผู้จัดการทั่วไปปางช้างแม่สา และได้มายื่นต่อนางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการบริหารปางช้างแม่สา ขอให้มาเจรจาในเรื่องนี้ โดยส่วนมากจะให้รอถึง 7 วันไม่ไหวแล้วเพราะเห็นว่าผู้บริหารยังนิ่งเพื่อยื้อเวลาอยู่

นางรัตนา ศรีหมอก ได้เผยว่าหลังจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 นานกว่า 2 ปีปางช้างก็ถูกสั่งปิด และพอกลับมาเปิดก็ไม่มีนักท่องเที่ยว จนกระทั่งช่วงเดือนพฤษภาคม 64 ที่ผ่านมาทางผู้บริหาร ก็งดการจ่ายเงินเดือนให้แก่ควาญช้าง พนักงานทั้งหมด ไม่มีใครได้รับเงินเดือนมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ทุกคนประสพปัญหา ไม่มีเงินส่งให้ทางบ้าน ไม่มีเงินให้ลูก บ้างคนลูกพึ่งเกิดไม่มีแม้แต่เงินไปจ่ายค่า รพ. ให้ลูก ค่าเทอมเทอมแรกก็ไม่ได้จ่าย นี้จะเข้าสู่เทอมที่สองแล้ว ก็ไม่มีใครออกมาจ่ายเงินเดือนให้พนักงานชักคน ซึ่งสอบถามทางผู้บริหารปางช้างก็ไม่ได้รับคำตอบที่จะช่วยเหลือพนักงานได้ พนักงานทุกคนก็จะรวมตัวกันไปร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในวันจันทร์นี้ เพื่อให้ส่วนราชการเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพนักงานทั้งหมด

ต่อมานางอัญชลี กัลมาพิจิตร กรรมการผู้บริหารปางช้างแม่สา ได้มาพบกับควาญช้างหลังจากได้รับหนังสือลาออก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็คุยกันแล้ว ซึ่งทางนางอัญชลี ได้ยกมือไหว้กลุ่มคราญช้างขอให้อยู่ดูแลช้างต่อเพราะก่อนหน้านี้ก็ลาออกไปกลุ่มใหญ่ ทำให้ควาญช้างจากเลี้ยงช้าง 1 เชือกต่อหนึ่งคนต้องมาเลี้ยง 2 เชือกต่อหนึ่งคน และเมื่อมาลาออกอาจจะต้องเลี้ยงช้าง 5 เชือกต่อ 1 คนมันเป็นไปไม่ได้แน่ช้างในปางช้างแม่สามีมากกว่า 70 เชือกจะต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่ และปางช้างแม่สากำลังร่วมกันทางเชียงใหม่ในโครงการเชียงใหม่ชาร์มมิ่ง เปิดการท่องเที่ยวจึงได้รับผลกระทบปางช้างแม่สาอาจถึงขั้นล่มสลายลง

“ตอนนี้ก็รับทราบปัญหาของพนักงานทุกคน แต่ตนก็เป็นเพียง 1 ในผู้บริหาร ที่ออกมารับหน้า และก็พยายามแก้ไขปัญหาให้แก่พนักงานทุกคน ซึ่งหากควาญช้างลาออก จะเป็นปัญหาใหญ่ ปางช้างอาจเข้าสู่วิกฤติ ที่ไม่มีวันแก้ไขได้ เพราะควาญช้างบางคนทำงาน 20 ปี 10 ปีกว่า เลี้ยงช้างใกล้ชิดมีความพูกพันกับช้างมาก หากลาออกไปใครจะเลี้ยงช้าง ปางช้างหากไม่มีควาญช้างก็จบทุกอย่าง ตนของวิงวอนผู้ร่วมบริหารปางช้างแม่สาทุกคน ขอให้เข้ามาร่วมกันแก้ปัญหานี้ขอให้เห็นแก่ปางช้างที่อยู่มาถึง 45 ปีโดยนายชูชาติ กัลมาพิจิตร บิดาตนได้ก่อตั้งมา ให้อยู่ต่อไปด้วย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าปางช้างแม่สา แห่งนี้ถือเป็นปางช้างที่ใหญ่ที่สุดเคยมีช้างมากกว่า 100 เชือกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับของประเทศ แต่เมื่อนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อสร้างปางช้างแม่สา เสียชีวิตลงเมื่อ 3 ปีก่อนโดยทิ้งมรดดไว้กว่า 1,000 ล้านบาท แต่ทางพี่น้องในกลุ่มไม่สามารถจัดการแบ่งมรดกได้ และมีปัญหาฟ้องร้องทางศาลมาหลายสิบคดี จนเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปางช้างขาดรายได้ทำให้เงินกองกลางที่ใช้บริหารปางช้างหมดลง จึงเกิดปัญหาผลกระทบอย่างรุนแรงขึ้นมาจนแทบจะบริหารปางช้างต่อไปไม่ได้จึงเกิดเหตุการณ์ปะทุขึ้นมาดังกล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น