เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย เยือนเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 64 เวลา 11.00 น. ที่ โรงแรมอนันตรา เชียงใหม่ คุณมาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย และ คุณเบน สวัสดิวัตน กงสุลกิตติมศักดิ์ประเทศอังกฤษ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติกับเชียงใหม่นิวส์ ให้สัมภาษณ์ถึงความร่วมมือต่างๆ โดยมีเนื้อหามุ่งเน้นถึงการพัฒนาโครงการต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่

เริ่มจากความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรกับไทย ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถานทูตอังกฤษทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) มอบทุนในโครงการต่างๆ กว่า 21 โครงการ เพื่อส่งเสริมการขยายการวิจัยทางด้านดาราศาสตร์และดาราศาสตร์วิทยุในประเทศไทย รวมถึงความร่วมมือด้านวิจัย PM 2.5 ที่ ส่งบอลลูนขึ้นวัดระดับมลพิษทางอากาศ ช่วงอากาศปิด วิเคราะห์ค่า PM2.5 และสำรวจป่าไม้ว่าช่วงไหนที่จะสามารถจัดการเชื้อเพลิงได้อย่างปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายกับประชาชน ในช่วงที่เชียงใหม่ต้องเผชิญกับภาวะหมอกควัน

ทางด้านโครงการสมาร์ทซิตี้ คุณมาร์ค กูดดิ้ง กล่าวว่า ทางสหราชอาณาจักรมีความต้องการที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี ซึ่งสามารถนำมาใช้พัฒนาเมืองได้ในหลายๆ ด้าน จากประสบการณ์ยาวนานที่ประเทศอังกฤษ อาทิเช่น การรับมือสถาณการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยการนำระบบสมาร์ทซิตี้ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่อง (Artificial Intelligence หรือ AI) เข้ามาใช้ เพื่อพัฒนาการแจ้งเตือน การเฝ้าระวัง การวินิจฉัยโรค การบริการออนไลน์ของภาครัฐ รวมถึงการเก็บข้อมูลในภาพรวมของการระบาดของโรค เพื่อพัฒนาให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากองค์ความรู้เกี่ยวกับโครงการสมาร์ทซิตี้นี้ สามารถยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณสุข ความเป็นอยู่ ทั้งขนส่งสาธารณะให้ดีขึ้น ทั้งนี้ได้มีการให้คำปรึกษากับประเทศไทย ในการใช้ระบบ สมาร์ทซิตี้ ทั้งชลบุรี กรุงเทพฯ ภูเก็ต ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมออนไลน์ร่วมกัน และมีบริษัทที่เชี่ยวชาญต่างๆ ร่วมประชุม กว่า 200 บริษัท แลกเปลี่ยนความคิดจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ โดยสำหรับ จังหวัดเชียงใหม่นั้น ท่านเพิ่งได้มีการจัดประชุมกับผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งพึ่งได้รับตำแหน่งใหม่ ด้วยกันทั้งคู่

ส่วนทางด้านงานกงสุลต่างๆ ตอนนี้มีคนอังกฤษอาศัยในเชียงใหม่ราวๆ 4,000-5,000 คน โดยส่วนใหญ่จะเป็นวัยเกษียณ และย้ายมาอยู่เชียงใหม่ระยะยาวในรูปแบบ Long stay ซึ่งคนอังกฤษมองว่า เชียงใหม่เหมาะสำหรับการพักผ่อน มีความพร้อมด้านการแพทย์ต่างๆ คนอังกฤษชอบวัฒนธรรม บุคลิกคนเชียงใหม่ ว่าคนไทยน่ารัก บางคนย้ายมาอยู่อย่างถาวร มีอาชีพเป็นครูสอนภาษา หรือประกอบธุรกิจในจังหวัดเชียงใหม่ เป้าหมายหลักคืออยากให้คนอังกฤษได้รับความสะดวกจากหน่วยงานรัฐหากมีปัญหา และยกระดับคุณภาพของการให้บริการให้มีมาตรฐาน หากเกิดเหตุหรือมีเรื่องต้องให้แจ้งความ เช่น กรณีการล่วงละเมิดทางเพศ จะมีศูนย์บริการเจ้าหน้าที่ประสานงานกับตำรวจ เช่น ศูนย์ช่วยเหลือบ้านพักที่ผู้เสียหาย ที่จะเป็นตัวแทนประสานงานกับโรงพยาบาล หรือนักจิตวิทยา โดยจัดทำคู่มือ ขั้นตอน ดำเนินการ สำหรับผู้เสียหาย ให้มีทางเลือกและที่ปรึกษา ทั้งนี้ยังได้กล่าวถึงโครงการ Rent Safe Drive Safe ซึ่งเป็นโครงการเกี่ยวกับการเช่ารถและการขับขี่ เช่น การทำประกันการเช่ารถ รณรงค์ให้ปฏิบัติตามกฎจราจรให้ถูกต้อง การสวมหมวกนิรภัยขณะขับขี่ อีกส่วนคือจะเน้นไปทางด้านการท่องเที่ยว ให้มีหน่วยงานช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่เข้าถึงง่าย ช่วยให้นักท่องเที่ยวมั่นใจ

ด้านการศึกษานั้น สำหรับคนไทยที่สนใจ ไปศึกษาในอังกฤษ จะมีการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนทุนต่าง ๆ มากมาย เช่น GREAT Scholarships, STEM scholarship และ Chevening scholarship ซึ่งยินดีต้อนรับผู้สมัครทุนจากทุกจังหวัดในประเทศไทยนอกเหนือจากกรุงเทพ อีกทั้งยังมีการสร้างเครือข่ายนักเรียนนักศึกษาที่เคยไปเรียนในอังกฤษ ซึ่งพร้อมจะแชร์ประสบการณ์และคำแนะนำต่างๆ ให้กับคนที่สนใจไปศึกษาต่อ โดยสามารถติดตามได้ที่ Facebook และเว็บไซต์ ของสหราชอาณาจักรประจำประเทศ ไทย UK Thailand และเว็บไซต์ทุนต่างๆ

สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางจากประเทศไทยไปประเทศอังกฤษ และจากอังกฤษมาไทยในขณะนี้นั้น หวังว่าการประกาศเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ จะส่งผลให้มีการปลดล็อก ไม่ต้องกักตัวตามมาตรการ สำหรับผู้ที่มีใบรับรองการฉีดวัคซีน และการเดินทางจะเป็นไปได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น

ในส่วนความร่วมมือด้านส่งเสริมวัฒนธรรมในเชียงใหม่ เอกอัครราชทูตฯ มองว่าเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นเรื่องความสวยงาม ซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก คนอังกฤษชอบประวัติความเป็นมา และวัฒนธรรมนี้เป็นอย่างมาก ท่านยังได้กล่าวถึงโครงการ ที่กำลังปรึกษากับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในขณะนี้ คือโครงการ Chiang mai Festival City เป็นการจัดงานกิจกรรมศิลปะทั้งเมืองในระยะเวลา 1 เดือน โดยโครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากต่างประเทศ คือ สก็อตแลนด์ ซึ่งได้จัดงานแล้วสามารถสร้างรายได้และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สำหรับช่วงเวลาที่วางแผนไว้คาดว่าจะเป็นเดือนธันวาคม 2565 โดยจะทำการส่งเสริมให้เป็นเทศกาล ร่วมมือกับด้านการท่องเที่ยวหลายฝ่าย ทั้งชุมชน และศิลปิน ผลักดันให้มีการสร้างเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งเสริมทั้งการท่องเที่ยวศิลปะ ทั้งนี้ยังสามารถเชิญผู้เชี่ยวชาญซึ่งพร้อมมาช่วยให้คำปรึกษากับเชียงใหม่ด้วย เป็นโอกาสที่ดี สำหรับไทยเพื่อฟื้นฟูหลังสถานการณ์โควิด-19

โดยครั้งนี้ ถือว่าเป็นการลงพื้นที่และพบสื่อต่างจังหวัดอย่างเป็นทางการครั้งแรก ของ คุณมาร์ค กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย ทั้งพบปะผู้ว่าราชการจังหวัด พบปะชาวอังกฤษในเชียงใหม่ หลังจากที่ท่านได้รับตำแหน่งนี้

สำหรับช่องทางการติดตามข่าวสารของสถานทูตอังกฤษมีดังนี้
– Facebook: UK in Thailand โดยเพจนี้จะเน้นสื่อสารกับคนอังกฤษในประเทศไทยเป็นหลัก
– Facebook: สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เน้นสื่อสารกับประชาชนคนไทย
– Twitter และ Instagram: @UKinThailand

ร่วมแสดงความคิดเห็น