ข่าวปลอม!!! กรณีที่มีการส่งต่อข้อความ “อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ แจ้งเปิดประเทศ 1 พ.ย. ใครติดโควิดต้องรักษาเอง”

 

วันที่ 20 ต.ค. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันข้อมูลว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีการส่งต่อข้อความในสื่อสังคมออนไลน์เรื่อง อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ แจ้งเปิดประเทศ 1 พ.ย. ใครติดโควิดต้องรักษาเอง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีการให้ข้อมูลระบุว่า นายแพทย์ ชาตรี บานชื่น อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ แจ้งว่าหลังเปิดประเทศ 1 พ.ย. ใครติดโควิดต้องรักษาเองนั้น ทางสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง รัฐบาลรักษาผู้ติดเชื้อโควิดทุกคนฟรีทุกสิทธิการรักษา อีกทั้งข้อความดังกล่าวเป็นการแอบอ้างชื่อผู้บริหารกระทรวงสาธารณะสุขเพื่อหวังสร้างความน่าเชื่อถือ

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://ops.moph.go.th/public/ หรือโทร. 0-2590-1000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่เป็นความจริง รัฐบาลรักษาผู้ติดเชื้อโควิดทุกคนฟรีทุกสิทธิการรักษา อีกทั้งข้อความดังกล่าวเป็นการแอบอ้างชื่อผู้บริหารกระทรวงสาธารณะสุขเพื่อหวังสร้างความน่าเชื่อถือ

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ร่วมแสดงความคิดเห็น