การปราบปราม การลักลอบหลบหนีเข้าเมือง โดยผิดกฎหมาย (22 – 24 พฤศจิกายน 2564)

ตามที่รัฐบาล ได้มีนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง โดยบูรณาการหน่วยงานที่มีภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบ ปราบปราม จับกุม และสกัดกั้นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ
ประกอบกับที่รัฐบาลได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยมีข้อกำหนดตามกรอบพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้พิจารณาให้ระงับการใช้ช่องทางการเข้าออกประเทศในทุกพื้นที่ที่มีเขตติดต่อชายแดน เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 มาจนถึงปัจจุบัน นั้น
ในการนี้ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 ได้กำชับให้ทุกหน่วยที่มีพื้นที่ตามแนวชายแดน ได้เฝ้าระวังการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายของกลุ่มแรงงานต่างด้าว รวมไปถึงคนไทยที่ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน และลักลอบกลับเข้ามาในประเทศไทย เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างจริงจัง โดยมีผลการจับกุม, ผลการดำเนินคดี และการเร่งรัดการดำเนินคดีตามกฎหมาย โดย ศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 , กองกำลังนเรศวร และกองกำลังผาเมือง ได้ร่วมกับทุกภาคส่วน ในห้วงวันที่ 22 – 24 พฤศจิกายน 2564 มีผลการจับกุมที่สำคัญ จำนวน 3 ครั้ง รายละเอียดดังนี้.-


เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจำนวนมากแอบซ่อนตัวอยู่ในป่าบนภูเขาท้ายหมู่บ้านขุนห้วยนกแล ตำบลพระธาตุ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก เพื่อรอคนนำพาไปยังพื้นที่ตอนในของประเทศไทย จึงจัดกำลังจาก กองร้อยทหารพรานที่ 3505 จำนวน 3 ชุดปฏิบัติการ ออกลาดตระเวนตามช่องทางที่คาดว่าขบวนการนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจะใช้เป็นช่องทางผ่าน จนกระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น.ของวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 เจ้าหน้าที่ได้พบบุคคลต้องสงสัยเป็นชายไทย (ผู้นำพา) มีภูมิลำเนาอยู่ในหมู่บ้านขุนห้วยนกแล ตำบลพระธาตุ ขับรถผ่านมาท่าทางมีพิรุธ จึงเรียกหยุดแล้วซักถามจนทราบว่า ชายคนดังกล่าวกำลังจะไปรับกลุ่มคนต่างด้าวที่รออยู่บนภูเขาเพื่อนำพาไปส่งที่ตลาดมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร ไปเป็นแรงงานก่อสร้างหรือแรงงานในโรงงานเย็บผ้า ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการค้นหากลุ่มคน ต่างด้าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น.ของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้พบกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 25 คน (เป็นผู้ชาย 18 คน และผู้หญิง 7 คน) กำลังรอคนนำพามารับอยู่ในป่าบนภูเขา ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น ตรวจสอบแล้ว ทุกคนไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงการเดินทางเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวตรวจคัดกรองเชื้อไวรัส Covid – 19 พร้อมทั้งส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป


เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 16.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจาก กองร้อยทหารราบที่ 1421 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กำลังลาดตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายอยู่ในเขตพื้นที่ บ้านวังตะเคียน ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้พบกลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 31 คน (เป็นผู้ชาย 18 คน และผู้หญิง 13 คน) ลักลอบข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามายังฝั่งประเทศไทย ตรวจสอบแล้ว ทุกคนไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงการเดินทางเข้ามและอยู่ในราชอาณาจักรโดยชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวตรวจคัดกรองเชื้อไวรัส Covid – 19 พร้อมทั้งส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป


เหตุการณ์ที่ 3 เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 05.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจาก กองร้อยทหารม้าที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 4 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ กำลังลาดตระเวนตรวจพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายอยู่ในเขตพื้นที่ บ้านถ้ำ ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้พบกลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 45 คน (เป็นผู้ชาย 23 คน และผู้หญิง 22 คน) พร้อมผู้นำพาเป็นผู้ชายสัญชาติเมียนมา จำนวน 1 คน จากการสอบถามกลุ่มคนต่างด้าวดังกล่าวทราบว่า ทั้งหมดออกเดินทางมาจากเมืองต่วน ประเทศเมียนมา ลักลอบข้ามแดนตามช่องทางธรรมชาติเข้ามายังประเทศไทย ต้องการไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยได้จ่ายค่าเดินทางให้กับผู้นำพา รายละ 20,000 – 23,000 บาท ตรวจสอบแล้ว ทุกคนไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงการเดินทางเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวตรวจคัดกรองเชื้อไวรัส Covid – 19 พร้อมทั้งส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการนำพาแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หรือมีเบาะแสข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมาย ขอความกรุณาได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติในการปราบปรามและการสกัดกั้นอย่างเป็นรูปธรรมตามกฎหมาย อีกทั้งหากพี่น้องประชาชนมีความประสงค์จะส่งข้อมูลเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมาย ให้กับ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 สามารถส่งข้อมูลผ่านระบบ Applications Line ชื่อ “สายตรง แม่ทัพภาคที่ 3” ID Line : ISOC3 เพื่อรับทราบข้อมูลและนำไปสู่การปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย สร้างความมั่นคงให้สังคมไทยสืบไป

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น