บิดเบือน รัฐบาลเตรียมเก็บค่าใช้น้ำทำนา ไร่ละ 25 บาทต่อปี

 

วันที่ 16 ม.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวบิดเบือน เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีการแชร์ข้อมูลในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง รัฐบาลเตรียมเก็บค่าใช้น้ำทำนา ไร่ละ 25 บาทต่อปี ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

กรณีมีผู้โพสต์ผ่านสื่อออนไลน์ว่ารัฐบาลผุดไอเดียจ่อเก็บค่าน้ำทำนา ไร่ละ 25 บาทต่อปีนั้น ทางกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงว่า กรมชลประทานได้เปิดรับฟังความคิดเห็น ร่างพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พ.ศ. …. เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2565 ซึ่งเป็นประเด็นเกี่ยวกับการจัดเก็บค่าชลประทาน ตามหลักการในพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พุทธศักราช 2485 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2518 มาตรา 8 กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีอำนาจในการออกกฎกระทรวงเพื่อเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำทั้งในภาคเกษตรกรรมและนอกภาคเกษตรกรรม
โดยปัจจุบันยังไม่มีการเรียกเก็บค่าชลประทานในภาคเกษตรกรรม ซึ่งให้เรียกเก็บได้ไม่เกินไร่ละห้าบาทต่อปี เนื่องจากไม่มีกฎกระทรวงเรียกเก็บแต่อย่างใด มีแต่เพียงกฎกระทรวงที่ให้อำนาจรองรับในการจัดเก็บค่าชลประทานเฉพาะนอกภาคเกษตรกรรม ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม การประปา และกิจการอื่น เป็นต้น ในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 50 สตางค์
ทั้งนี้ เนื่องจากทางน้ำชลประทานตามกฎหมายว่าด้วยการชลประทานหลวง เป็นทรัพยากรน้ำสาธารณะตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 กำหนดแบ่งทรัพยากรน้ำสาธารณะออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการดำรงชีพ การอุปโภคบริโภคในครัวเรือน การเกษตรหรือการเลี้ยงสัตว์เพื่อยังชีพ การอุตสาหกรรมในครัวเรือนการรักษาระบบนิเวศน์ จารีตประเพณี การบรรเทาสาธารณภัย การคมนาคม และการใช้น้ำในปริมาณเล็กน้อย
2. การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อการอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาและกิจการอื่น
3. การใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะเพื่อกิจการขนาดใหญ่ที่ใช้น้ำปริมาณมาก หรืออาจก่อให้เกิดผลกระทบข้ามลุ่มน้ำหรือครอบคลุมพื้นที่อย่างกว้างขวาง
ซึ่งในส่วนของการใช้น้ำประเภทที่ 1 ไม่ต้องขออนุญาตใช้น้ำและไม่ต้องชำระค่าใช้น้ำ ส่วนการใช้น้ำประเภทที่ 2 และประเภทที่ 3 จะต้องขออนุญาตใช้น้ำและชำระค่าใช้น้ำตามหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราค่าใช้น้ำ สำหรับการใช้น้ำประเภทที่ 2 และการใช้น้ำประเภทที่ 3 ซึ่งนายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการลุ่มน้ำจะได้ออกกฎกระทรวงกำหนดต่อไป
สำหรับร่างพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พ.ศ. …. เป็นเพียงกรอบตัวอย่างเบื้องต้น เพื่อนำไปรับฟังความคิดเห็นเท่านั้น ซึ่งทางมูลนิธิสถาบันวิจัยกฎหมายในฐานะผู้รับจ้างในการแก้ไขกฎหมายต้องสรุปภาพรวมของการรับฟังความคิดเห็นทั้ง 4 ภาค เสนอกรมชลประทานเพื่อพิจารณาให้เป็นไปตามสัญญาจ้างแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง ก่อนที่จะส่งมอบรายงานฉบับสมบูรณ์ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนในการยกร่างแก้ไขกฎหมายต่อไป โดยจะมีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรและการใช้น้ำของทุกภาคส่วนเป็นสำคัญ

ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าวเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากจากกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www1.rid.go.th หรือโทรสายด่วน 1460

บทสรุปขอเรื่องนี้คือ : ปัจจุบันยังไม่มีการเรียกเก็บค่าชลประทานในภาคเกษตรกรรม ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงกรอบตัวอย่าง เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากทั้ง 4 ภาค ภายใต้ร่างพระราชบัญญัติการชลประทานหลวง พ.ศ. ….

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น