ข่าวปลอม!! การใช้เหรียญ 50, 25 และ 10 สตางค์ จะช่วยให้สินค้าขึ้นครั้งละ 5% และทำให้เงินเฟ้อลดลง

วันที่ 24 ม.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีการให้ข้อมูลประเด็นเรื่อง การใช้เหรียญ 50 สตางค์ 25 สตางค์และ 10 สตางค์ จะช่วยให้สินค้าขึ้นครั้งละ 5% หรือ 10% และทำให้เงินเฟ้อลดลง ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลการรณรงค์ให้ใช้เหรียญ 50 สตางค์ 25 สตางค์และ 10 สตางค์ เพื่อทำให้สินค้าขึ้นทีละ 5% หรือ 10% ไม่ใช่ขึ้นทีละ 25%, 33% หรือ 66% และทำให้เงินเฟ้อลดลงนั้น ทางธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ไม่เกี่ยวข้องกับเหรียญที่ใช้ เพราะการขึ้นราคาของสินค้า ขึ้นอยู่กับต้นทุนที่ใช้ผลิตสินค้านั้นๆ การใช้เหรียญชนิดใด ไม่ทำให้การขึ้นราคาเปลี่ยนไป หากต้นทุนขึ้นมาแล้วก็ตาม

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.bot.or.th หรือโทร. 02-283-5353

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไม่เกี่ยวข้องกับเหรียญที่ใช้ เพราะการขึ้นราคาของสินค้า ขึ้นอยู่กับต้นทุนที่ใช้ผลิตสินค้านั้นๆ การใช้เหรียญชนิดใด ไม่ทำให้การขึ้นราคาเปลี่ยนไป หากต้นทุนขึ้นมาแล้วก็ตาม

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น