เชียงใหม่ เปิดโครงการฝึกอบรมจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง (ฉก.เสือดำ) ยกระดับการรักษาความสงบเรียบร้อย

ผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงโดยภาคประชาสังคม ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง (ฉก.เสือดำ) ตามนโยบายของรัฐบาล ขับเคลื่อนภารกิจด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยให้เป็นรูปธรรม


วันนี้ (24 ม.ค.65)ที่ กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 1 นายกองเอก ประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงโดยภาคประชาสังคม ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง (ฉก.เสือดำ) โดยมี นายกองเอก ประสงค์ หล้าอ่อน หัวหน้าฝ่ายอำนวยการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและผู้ฝึกอบรมเข้าร่วม สำหรับการฝึกอบรมฯในครั้งนี้ มีสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการฝึกอบรม จำนวน 50 นาย จาก 26 กองร้อย ในสังกัดกองบังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงใหม่

สำหรับการฝึกจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 มกราคม ถึง 3 กุมภาพันธ์ 2565 ณ กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงใหม่ที่ 1 ทั้งนี้เพื่อเพิ่มศักยภาพผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่และสมาชิกอาสากองรักษาดินแดน ในการปฏิบัติหน้าที่เป็นชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการตรวจสอบจับกุมผู้กระทำผิดในอำนาจหน้าที่พนักงานฝ่ายปกครอง และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนภารกิจด้านการรักษาความสงบเรียบร้อย

นายกองเอก ประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้บังคับการกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงโดยภาคประชาสังคม ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง (ฉก.เสือดำ) ครั้งนี้เป็นไปตามที่กองร้อยอาสารักษาดินแดน ได้จัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง โดยภาคประชาสังคม ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง เพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่และสมาชิกอาสากองรักษาดินแดน จังหวัดเชียงใหม่ ให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน ในพื้นที่ ทั้งนี้ ในระยะเวลาฝึก 12 สัปดาห์นี้ จะต้องเน้นความรู้และเพิ่มขีดความสามารถ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและประสิทธิภาพ ต้องทบทวน ฝึกฝน เพิ่มเติม ให้ได้มากที่สุด นับว่าเป็น 12 สัปดาห์ ที่สำคัญยิ่งที่กำลังพลทหารทุกนาย ต้องรีบไขว่คว้าโอกาส ฝึกฝนตนเอง เปิดใจเพื่อรองรับความรู้ใหม่ๆ และขอให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมทุกท่านตั้งใจรับความรู้จากคณะวิทยากรและครูฝึก เพื่อนำไปปรับใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น