ครม.ไฟเขียว! ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันการฟ้องคดีปิดปากฯ ใครทุจริตแล้วยื่นฟ้องคดีปิดปาก มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ พนักงานรัฐโดนโทษ 2 เท่า!

 ครม. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการฟ้องคดีปิดปากในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบ พ.ศ. …. ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการดำเนินคดีหรือฟ้องคดีปากและมีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่แสดงความเห็นหรือเปิดโปงเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบ
ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เป็นการกำหนดกลไกส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการต่อต้านหรือชี้เบาะแสการทุจริตและประพฤติมิชอบ และจะได้รับความคุ้มครองจากรัฐตามกฎหมาย โดยกำหนดให้คุ้มครองแก่บุคคลที่ได้แสดงความคิดเห็น ให้ถ้อยคำ แจ้งเบาะแสหรือข้อมูล หรือมีการกล่าวหาเกี่ยวกับการกระทำของพนักงานของรัฐหรือบุคคลใดอันเป็นที่มาของการสอบสวน การตรวจสอบ หรือการไต่สวนในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบ และบุคคลดังกล่าวตกเป็นเหยื่อจากการถูกนำกระบวนการยุติธรรมมาใช้เป็นเครื่องมือโดยมิชอบ หรือกลั่นแกล้ง ด้วยวิธีการฟ้องคดีปิดปาก โดยร่างพระราชบัญญัติมีสาระสำคัญ อาทิ
1. กำหนดบทนิยาม “การฟ้องคดีปิดปาก” หมายความว่า การนำกระบวนการยุติธรรมด้วยวิธีการเสนอข้อหาต่อศาล ไม่ว่าจะเป็นทางอาญา ทางแพ่ง หรือทางปกครอง รวมถึงคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีเดิมที่ได้มีการเสนอข้อหาต่อศาลไว้ก่อนแล้ว ซึ่งกระทำในลักษณะการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อกลั่นแกล้งหรือเอาเปรียบบุคคลใด มาใช้เป็นเครื่องมือ
2. กำหนดลักษณะของการดำเนินคดีหรือการฟ้องคดีปิดปาก
– การดำเนินคดีหรือการฟ้องคดี ซึ่งมีสาเหตุมาจากกรณีที่ผู้ถูกฟ้องได้แสดงความคิดเห็น ให้ถ้อยคำ แจ้งเบาะแสหรือข้อมูล จัดทำคำร้องหรือคำกล่าวหาเกี่ยวกับการกระทำที่เป็นความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบ
– การดำเนินคดีหรือการฟ้องคดีอันมีลักษณะของการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต หรือบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อการแกล้งหรือเอาเปรียบผู้ถูกดำเนินคดี
3. กรณีที่พนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการ หรือผู้ถูกฟ้องคดี เห็นว่าการดำเนินคดีหรือฟ้องคดี อาจเข้าข่ายเป็นลักษณะการฟ้องคดีปิดปากตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานสอบสวน หรือพนักงานอัยการ มีอำนาจตรวจสอบ สอบสวน หรือทำความเห็นในคดีได้
4. กำหนดให้ผู้ถูกฟ้องคดีปิดปากมีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากผู้ฟ้องคดีปิดปาก โดยกำหนดให้ศาลมีอำนาจกำหนดมูลค่าความเสียหายจากการถูกฟ้องคดีปิดปาก ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของกฎหมายป้องกันการฟ้องคดีปิดปากในระดับสากล
5. การกำหนดโทษ
– กรณีที่มีการฟ้องคดีปิดปากตามพระราชบัญญัตินี้ โดยที่ผู้ฟ้องคดีมีสถานะเป็นพนักงานของรัฐและเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ให้ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดทางวินัยหรือเป็นเหตุแห่งการถอดถอนออกจากตำแหน่ง ในกรณีศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง เพราะเหตุว่าการฟ้องคดีมีลักษณะเป็นการฟ้องคดีปิดปาก และผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานของรัฐ ให้ถือว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดทางวินัยหรือเป็นเหตุแห่งการถอดถอนออกจากตำแหน่งด้วย
– ผู้ใดกระทำการไม่สุจริต ได้ยื่นฟ้องคดีปิดปาก ในลักษณะเพื่อกลั่นแกล้งบุคคลให้ต้องรับโทษทางอาญาหรือได้นำความอันเป็นเท็จยื่นฟ้องต่อศาลเป็นคดีอาญา หรือเข้าลักษณะเป็นการฟ้องคดีเพื่อต่อรองหรือข่มขู่ ให้ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าเป็นพนักงานของรัฐเป็นผู้กระทำต้องระวางโทษเป็น 2 เท่าของโทษที่กำหนดไว้
ลำดับต่อไป จะส่งร่าง พ.ร.บ. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงยุติธรรม สำนักงาน ก.พ. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป
เมื่อร่างพระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเพิ่มมาตรการป้องกันการดำเนินคดีหรือการฟ้องคดีปิดปาก ซึ่งจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะเป็นการขจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบในทุกวงการของสังคมไทย

ร่วมแสดงความคิดเห็น