ข่าวปลอม!! ทาปิโตรเลียมเจลลี่ในรูจมูก ช่วยดักจับฝุ่น PM 2.5 ไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย

วันที่ 26 ม.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่ได้มีการแชร์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ถึงประเด็นเรื่อง ทาปิโตรเลียมเจลลี่ในรูจมูก ช่วยดักจับฝุ่น PM 2.5 ไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

จากที่มีการแชร์สูตรป้องกันฝุ่น PM 2.5 ด้วยวิธีการนำปิโตรเลียมเจลลี่ มาทาบางๆ ไว้ที่รูจมูก เพื่อดักจับฝุ่นไม่ให้เข้าสู่ร่างกายนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้ชี้แจงว่า การนำปิโตรเลียมเจลลี่มาทาในรูจมูกเพื่อหวังผลในการดักจับฝุ่น PM 2.5 นั้น ยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ สำหรับวิธีการป้องกันฝุ่นควรใส่หน้ากากอนามัย ที่สามารถกรองได้อย่างน้อย 95% ขึ้นไปหรือที่เรียกกันว่า N95 โดยปิโตรเลียมเจลลี่ (Petroleum jelly) เป็นสารที่ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบ เมื่อนำไปผ่านกระบวนการกำจัดสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายออกไปก็จะสามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ไม่ละลายน้ำ สามารถเคลือบผิวไม่ให้น้ำระเหยออกไป จึงนิยมนำมาใช้ทาผิวเพื่อป้องกันผิวแห้ง

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสุขภาพที่ถูกต้องจากคณะกรรมการอาหารและยาสามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ https://www.fda.moph.go.th หรือโทร. 02 5907000

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การนำปิโตรเลียมเจลลี่มาทาในรูจมูกเพื่อหวังผลในการดักจับฝุ่น PM 2.5 นั้น ยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ สำหรับวิธีการป้องกันฝุ่นควรใส่หน้ากากอนามัย ที่สามารถกรองได้อย่างน้อย 95% ขึ้นไป

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น