ประกาศ!! ห้ามเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ดอยสุเทพ-ปุย วันที่ 1 ก.พ. – 30 เม.ย.2565

วันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2565 นายสุทิน พรหมปลัด นักวิชาการป่าไม้ชํานาญการพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ออกประกาศอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เรื่อง ห้ามเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย

เนื่องจากในช่วงฤดูแล้งของทุกปี มักเกิดปัญหาไฟป่าก่อให้เกิดหมอกควันในอากาศ เกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนโดยรวม อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ ตลอดจนเป็นการทําลายทรัพยากรธรรมชาติ และทําให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งมีผลทำให้เกิดความแปรปรวนของสภาวะอากาศโลก ถือว่าเป็นปัญหาวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ที่จําเป็นต้องแก้ไขเร่งด่วน จากการตรวจสอบจุดความร้อน (Hotspots) ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ตั้งแต่ปี 2553-2564 พบว่าเกิดขึ้นเป็นจํานวนมาก ในท้องที่ ตําบลช้างเผือก ตําบลสุเทพ และตําบลแม่เหียะ อําเภอเมืองเชียงใหม่ ตําบลบ้านปง และตําบลหนองควาย อําเภอหางดง ตําบลโป่งแยง ตําบลแม่แรม และตําบลดอนแก้ว อําเภอแม่ริม ตําบลสบเปิง ตําบลป่าแป๋ และตําบลสันป่ายาง อําเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสาเหตุการเกิดไฟป่าดังกล่าว เกิดจากการ เผาป่า การล่าสัตว์ป่า การเก็บหาของป่า รวมถึงการเผาวัชพืชในพื้นที่เกษตรกรรม แล้วลุกลามเข้าไปในเขตป่า โดยไม่มีการควบคุม เป็นต้น

ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดปัญหาหมอกควัน และไฟป่า จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งขาติ พ.ศ. 2562 จึงขอประกาศ ดังนี้

1. ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ถึง วันที่ 30 เมษายน 2565 ในเขตท้องที่ ตำบลช้างเผือก ตำบลสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลบ้านปง ตำบลหนองควาย อำเภอหางตง ตำบลโป่งแยง ตำบลแม่แรม ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม ตำบลสบเปิง ตำบลป่าแป๋ ตำบลสันป่ายาง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ยกเว้นพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตบริการ สำหรับกรณีมีเหตุจำเป็นให้แจ้งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป หากผู้ใดฝ่าฝืน มีความผิดตามกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 100,000บาท (หนึ่งแสนบาท)

2. การเผาวัชพืชในพื้นที่เกษตรกรรม ใกล้แนวเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ต้องมีการควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามเข้าเขตป่า หากเกิดไฟป่าจะมีความผิดตามกฎหมาย ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 บาท ถึง 2,000,000 บาท (สี่แสนบาทถึงสองล้านบาท) หรือทั้งจำทั้งปรับ

ร่วมแสดงความคิดเห็น