ราชทัณฑ์ คาดว่าผู้ต้องขังทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง อาจติดเชื้อโอไมครอน เป็นสาเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 65 นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว นักโทษของทัณฑสถานบำบัด พิเศษลำปาง ติดโควิดกว่า 700 ราย นั้น กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า จากการตรวจสอบแล้ว การติดเชื้อโควิด -19 ของผู้ต้องขังทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปางในครั้งนี้ น่าจะเกิดการปนเปื้อนมากับสิ่งของเข้าภายในทัณฑสถานฯ
โดยเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 65 พบผู้ต้องขังชายอายุ 32 ปี อาการมีไข้ ไอ มีน้ำมูก วัดอุณหภูมิร่างกายได้ 38.8 องศาเซลเซียส จึงได้ดำเนินการตรวจโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ผลเป็นบวกติดเชื้อโควิด-19 และได้ตรวจผู้ต้องขังใกล้ชิด จึงพบการแพร่ระบาดภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง
โดยทีมแพทย์ และคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดลำปาง สั่งการให้ดำเนินการตรวจเชิงรุกทั้งหมด 1,040 คน เพื่อคัดกรองค้นหาผู้มีอาการเบื้องต้น โดยแพทย์ได้จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ผู้ตรวจพบเชื้อทุกรายประกอบกับ ทัณฑสถานได้รับการสนับสนุนเครื่องเอกซเรย์พระราชทานแบบเคลื่อนที่ (Portable X ray Digital) นำมาเอกซเรย์เพื่อคัดกรองผู้ต้องขังป่วยทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 65 ซึ่งปัจจุบันไม่พบผู้ต้องขังที่ปอดมีปัญหาจากการติดเชื้อแต่อย่างใด
นายธวัชชัยฯ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจำหวัดลำปางสันนิษฐานว่า เชื้อโควิด-19 ที่ระบาดภายในทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง เบื้องต้นน่าจะเป็นการปนเปื้อนมากับสิ่งของที่เข้าภายในทัณฑสถานฯ และคาดว่าน่าจะเป็นสายพันธุ์โอไมครอนที่สามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจยืนยันผล
สำหรับทัณฑสถานแห่งนี้เป็นเรือนจำแดนเดียว (พื้นที่9ไร่) การแพร่ระบาดจะเป็นไปได้โดยง่าย โดยปัจจุบัน ทัณฑสถานบำบัดพิเศษลำปาง ได้ดำเนินการตามมาตรการการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด และดำเนินการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แก่ผู้ต้องขังเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 27 มกราคม 65 ทั้งประสานโรงพยาบาลแม่ข่ายฉีดวัคซีนภายหลังจากการระบาดแล้วในครั้งนี้
พร้อมดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อมิให้มีการสูญเสียเกิดขึ้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น