(มีคลิป) โจ๋ยกพวกดักรุม ม.2 เหตุพูดไม่เข้าหู

วงจรปิดเผยภาพวัยรุ่น 10 รุม 2 ใช้ทั้งมีด ท่อนเหล็ก สนับมือ กรูสกรัม หนึ่งในผู้ถูกทำร้ายถูกเหล็กฟาดเลือดอาบ สาเหตุไม่พอใจรุ่นน้อง ม.2 คู่กรณีพูดจาหาเรื่อง พาพวกดักรอหน้าห้องน้ำนอกโรงเรียน ด้านผู้ปกครองรวมหลักฐานแจ้งความตามตัวดำเนินคดี

ภาพวงจรปิดในที่เกิดเหตุบริเวณ หน้าห้องน้ำตลาดอ้อมเมือง ต.ท่าศาลา อ.เมืองเชียงใหม่ บันทึกภาพเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นประมาณ 10 กว่าคน รุมก่อเหตุทำร้ายร่างกาย วัยรุ่นคู่กรณีที่ขับรถจักรยานยนต์มาด้วยกัน 2 คน โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุมีทั้งอาวุธมีด ,ท่อนเหล็ก และสนับมือ พากันกรู่ทั้งชกต่อยและใช้อาวุธ จนผู้ถูกทำร้ายทั้ง 2 คน ได้รับบาดเจ็บและ 1 ในนั้นยังถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุ ใช้ท่อนเหล็กฟาดเข้าที่ศีรษะจนล้มกองกับพื้นหมดสติในที่เกิด ส่วนอีก 1 คน ถูกรุ่มทำร้ายจนต้องวิ่งหนีไปอีกทาง ก่อนที่กลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดจะรีบพากันขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไป และขณะที่หลังเกิดเหตุ ทางพลเมืองดีได้แจ้งทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือผู้ถูกทำร้ายและนำตัวส่งโรงพยาบาล

ขณะที่ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (13 พ.ค.65) นายวิชัย ปัญญา อายุ 39 ปี และ นางนินเนตร ทิพย์ปัญญา อายุ 39 ปี พร้อมด้วย นายบอส (หนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายร่างกาย) ได้เดินทางมาที่ สภ.แม่ปิง เพื่อนำหลักฐานเข้ามาติดตามดำเนินคดีกับทางกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งทราบว่าส่วนใหญ่เป็ยวัยรุ่น อายุประมาณ 17-18 ปี ที่หลังเกิดเหตุ ทางตนได้มีการรวบรวมหลักฐาน และเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และในวันนี้ ได้มีการนัดหมายกับทางผู้ปกครองของกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ และทางกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาพูดคุยเจรจากันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากการสอบถามทางด้าน นายบอส อายุ 18 ปี ผู้ถูกทำร้าย เล่าว่า ในวันเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ตนได้ขับรถจักรยานยนต์เพื่อไปรับ นายเมือง อายุ 15 ปี น้องชายที่รู้จักกัน ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.2 ในโรงเรียนใกล้กับที่เกิดเหตุ แต่หลังจากไปรับ นายเมือง และนายเมืองนั่งซ้อนท้าย โดยขับขี่รถจักรยานยนต์มาบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ 7-11 นายเมือง บอกกับตนว่ามีคนจะมาหาเรื่องตั้งแต่ที่โรงเรียน และหลังจากขับขี่รถจักรยานยนต์มาห่างจากโรงเรียน ก็มีกลุ่มผู้ก่อเหตุ 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมา แล้วบอกกับตนว่า “มีเรื่องจะคุยด้วย” จากนั้นก็ขับขี่รถบอกให้ตนกับ นายเมือง ตามมา โดยตนได้สอบถามกับนายเมืองว่า มีเรื่องอะไรกัน และนายเมืองก็ไม่รู้ว่าทั้ง 2 คน มาหาเรื่องทำไม ต่อมาตนได้ขับขี่รถตามผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน มาจนถึงบริเวณหน้าห้องน้ำตลาดอ้อมเมือง ก็พบว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุดักรออยู่หลายคน จากนั้นก็ได้เข้ามาชกต่อย นายเมือง จนตนเห็นว่า นายเมือง ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุประมาณ 4-5 คน รุมต่อยและเริ่มไม่ไหวตนจึงกำลังจะไปช่วย ก็มีกลุ่มผู้ก่อเหตุปรี่เข้ามาผลักอกแล้วชกต่อย อีกทั้งใช้ท่อนเหล็กความยาวประมาณไม้บรรทัดฟาดเข้าที่ศีรษะ จนตนเกือบจะหมดสติ แล้วพยายามกระเสือกกระสนมาที่รถ รีบดึงกุญแจรถออกเพราะกลัวว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเอารถจักรยานยนต์ไป โดยระหว่างนั้นตนยังเห็นว่ามีคนจะใช้อาวุธมีดเข้ามาฟันซ้ำ แต่มีคนมาห้ามแล้วกลุ่มผู้ก่อเหตุจึงพากันหลบหนี ก่อนที่จะล้มหมดสติ และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

หลังจากที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ตนได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะถูกท่อนเหล็กฟาดหัวแตกเย็บ 5 เข็ม และตอนนี้ยังมีอาการมึนหัว อีกทั้งมีอาการปวดที่กรามขวา และบริเวณชายโครงด้านขวา ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการถูกรุมเตะต่อยในตอนเกิดเหตุ ส่วนนายเมือง น้องที่ถูกรุมทำร้ายอีกคน ทราบว่าได้รับบาดเจ็บที่ท้ายทอย และบริเวณแขนซ้าย ที่เจ้าตัวบอกว่าถูกหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุใช้สนับมือต่อย

นายบอส ยังเล่าอีกว่า ตนเคยเป็นศิษย์เก่าที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนดังกล่าว แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยไปมีเรื่องบาดหมางกับทางกลุ่มผู้ก่อเหตุ และไม่เคยรู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน ส่วนสาเหตุนั้นคาดว่าทางกลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะมีเรื่องโกรธเคืองกับ นายเมือง น้องชายที่เรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนดังกล่าว ซึ่งหลังเกิดเหตุตนก็ยังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังบาดเจ็บอยู่ และไม่คิดว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย เนื่องจากตนก็ไม่รู้เรื่องอะไร และไม่ได้ไปหาเรื่องใคร เพราะตนแค่ตั้งใจจะไปรับน้องที่รู้จักเท่านั้น

ขณะที่ทางด้าน นางนินเนตร ทิพย์ปัญญา อายุ 39 ปี มารดาของ นายบอส บอกว่า หลังเกิดเหตุตนได้พยายามรวบรวมหลักฐานด้วยตนเอง จนกระทั่งได้ภาพวงจรปิดที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุได้ และได้พยายามติดตามเรื่องราวจนทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมด พร้อมทั้งได้แจ้งกับทางผู้ปกครองของกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุทราบ ซึ่งในวันนี้ตนก็จะมาติดตามเรื่องที่เกิดขึ้น และดูว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอย่างไร และแจ้งข้อกล่าวหาใดบ้าง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ตนก็รู้สึกมีความสะเทือนใจมาก และจากการที่เห็นคลิปวิดีโอก็รู้สึกสะเทือนใจมากขึ้นไปอีก เพราะไม่คิดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะทำถึงขนาดนี้ อย่างที่เห็นในคลิป เด็ก 2 คน ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุที่มีกันกว่า 10 คน รุมทำร้าย และยังมีการรุ่มซ้ำจนบาดเจ็บ

นางนินเนตร บอกอีกว่า ขณะนี้สภาพจิตใจของลูกชายคิดว่าน่าจะแย่ กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองแบบนี้ และลูกชายก็เคยเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนแห่งนี้ วันเกิดเหตุก็แค่จะไปรับน้องที่รู้จัก ก็ไม่คาดคิดว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ไปทำอะไรให้ใคร และได้รับบาดเจ็บหนัก จากเรื่องที่ตนไม่ได้เป็นคนก่อ ส่วนในเรื่องของคดีนั้น ตนก็อยากดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะเห็นคลิปวิดีโอแล้วก็รู้สึกว่า การกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินกว่าการทะเลาะวิวาท โดยหลังจากนี้ก็จะได้เข้าเจรจากับกลุ่มผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุ และจะดูว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะดำเนินการอย่างไรบ้างกับทางกลุ่มผู้ก่อเหตุ

ผู้สื่อข่าวได้ทำการสอบถามกับทาง นายกี้ อายุ 18 ปี (หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุ) ได้เล่าว่า ตนเป็นคนที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อนอีกคน ไปคุยกับผู้ที่ถูกทำร้ายทั้ง 2 คน ส่วนสาเหตุนั้นเนื่องจากไม่พอใจที่ก่อนหน้านี้ถูกนายเมือง รุ่นน้อง ม.2 ที่อยู่โรงเรียนเดียวกันมาพูดจาหาเรื่องก่อน โดยหลังเลิกเรียนตนได้ตามเพื่อนในกลุ่มที่รู้จักกัน ซึ่งมีทั้งที่เรียนอยู่ด้วยกัน และเป็นศิษย์เก่าให้ไปดักรอที่หน้าห้องน้ำตลาดอ้อมเมือง ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน ก่อนที่จะขับรถไปตามหา ผู้ถูกทำร้ายทั้ง 2 คน โดยตอนแรกตนคิดว่าน่าจะเรียกทั้ง 2 คนมาคุยเฉยๆ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน แต่เนื่องจากถูก นายเมือง ซึ่งเป็นรุ่นน้องมาพูดจาหาเรื่องตนในฐานะรุ่นพี่จึงไม่พอใจ และอยากเรียกมาถาม แต่ระหว่างนั้นก็มีเพื่อนในกลุ่มลงมือก่อเหตุระหว่างที่กำลังคุยกัน

นายกี้ บอกด้วยว่า ตนยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นบุคคลที่ถืออาวุธมีด จะเข้าไปทำร้ายที่ปรากฎในกล้อง แต่ยอมรับว่าได้ลงมือชกต่อยคู่กรณีทั้ง 2 คน และในกลุ่มผู้ก่อเหตุตนก็รู้จักกันทั้งหมด โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดก็เป็นทั้งนีกเรียนของโรงเรียนดังกล่าว และศิษย์เก่า และมีอีก 2 คนที่ไม่ได้เรียน โดยกลุ่มที่ยังเรียนอยู่ส่วนใหญ่จะอยู่ชั้น ปวช.ปี 3 อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุตนก็รู้สึกสำนึกผิด และอยากขอโทษทางผู้ปกครองรวมทั้งคู่กรณีทั้ง 2 คนด้วย

อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการติดตามกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุ และทางคู่กรณี รวมทั้งผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายมาดำเนินการเจราจากัน พร้อมทั้งจะได้มีการสอบสวนข้อเท็จจริงกับทางทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้นจะได้มีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น