พระเทพปริยัติ พธ.ด. เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ดร. ประธานสงฆ์วัดโลกโมฬี ห่วงแนวโน้มการบวชสามเณรภาคฤดูร้อนลดลงฮวบ

พระเทพปริยัติ พธ.ด. เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ดร. ประธานสงฆ์วัดโลกโมฬี ห่วงแนวโน้มการบวชสามเณรภาคฤดูร้อนลดลงฮวบ ชี้สถานการณ์สังคมเปลี่ยน ครอบครัวเปลี่ยน พ่อแม่ผู้ปกครองดึงลูกช่วยงานบ้าน หลายรายส่งลูกหลานไปเรียนกวดวิชาจนเป็นค่านิยมใหม่ อีกทางรับไทยใหญ่เข้าบวชมากกว่าคนไทย พบวิกฤติเด็กไทยหันหลังให้วัดหันหน้าเข้าห้างฯ เพิ่มมากขึ้นกว่าอดีต จัดกิจกรรมแก้ปัญหา เชิญชวนร่วมใจบวชถวายเป็นพระราชกุศล ย้ำชัดพุทธศาสนาสามารถยกระดับจิตใจของเยาวชนได้

ที่วัดเจ็ดยอดพระอารามหลวง พระเทพปริยัติ พธ.ด. เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ “เชียงใหม่นิวส์” ต่อกรณีแนวโน้มการบวชเณรภาคฤดูร้อนที่มีทิศทางลดลงกว่าปีที่ผ่านๆ มา ว่า ประเพณีการบวชเรียนสามเณรภาคฤดูร้อนนั้นเป็นการบวชที่สามารถดึงเยาวชนเข้าสู่บวรพุทธศาสนาได้ แต่เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ส่งผลทำให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เริ่มไม่ให้ความสนใจ ไม่นิยมที่จะเข้าวัด ซึ่งรวมถึงไม่สนใจที่จะเข้ามาศึกษาพุทธศาสนาอย่างที่เคยเป็นมา ทางหนึ่งด้วยสถานครอบครัวที่เปลี่ยนไปจากแต่เดิมมาก เป็นครอบครัวที่มีความเป็นเมือง มีความทันสมัยใหม่ ส่วนใหญ่ประสงค์อยากให้ลูกเรียนหรือไม่ก็อยากให้ช่วยงานบ้าน ช่วยเหลือกิจการที่บ้านทำอยู่ ในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนซึ่งเป็นช่วงปิดยาว มีโอกาสที่เด็กจะพากันไปในทางที่เสียหายได้สูง ทั้งอาจทำให้เสียคนได้ เห็นได้จากที่ปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง มีทั้งข่าวที่ไปเที่ยวทะเลแล้วเกิดเสียชีวิต นั่นก็มาจากความเป็นห่วงของพ่อแม่ผู้ปกครอง

เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า เยาวชนที่เข้าโครงการบวชเณรภาคฤดูร้อน ส่วนมากกำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมปีที่ 4 ถึงประถมปีที่ 6 กลุ่มนี้เมื่อบวชครบเวลาตามที่โครงการกำหนดแล้วก็จะลาสิกขาออกไป เพราะไม่มีการเรียนในระดับชั้นประถมรองรับเรื่องการศึกษา จะมีก็ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป ส่วนใหญ่ผู้ปกครองที่นำบุตรหลานมาบวชนั้นจุดประสงค์สำคัญก็ต้องการนำลูกหลานมาอบรมศึกษาพระธรรมคำสอน แต่ผู้ปกครองบางคนที่ไม่ยอมนำลูกเข้ามาบวชเรียน เมื่อไม่อยู่บ้านตื่นแต่เช้ามาทั้งพ่อและแม่ออกไปทำงาน บางคนก็เขียนจดหมายติดไว้ที่กระดานว่า “มีกับข้าวอยู่ในตู้เย็น” เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงในสังคมขณะนี้ เพราะฉะนั้นถ้าเขาเป็นห่วงลูกจึงควรนำลูกมาบวชเรียนภาคฤดูร้อน ยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีการสาดน้ำหรือเล่นน้ำปีใหม่ก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วลูกเพราะอยู่ในวัดเพื่อศึกษาธรรมะ ไม่ต้องกังวลว่าจะเอารถไปชนคนอื่นหรือเกิดอุบัติเหตุ ลูกอยู่วัดก็ปลอดภัยทำให้พ่อแม่สบายใจได้

“วัดบางแห่งมีการบวช ผู้ปกครองนำบุตรหลายไปฝากบวช เพื่อที่บุตรของตนจะได้การอบรมธรรมะจากพระ ซึ่งกติกาในการบวชของแต่ละวัดแต่ละสำนักจะไม่เหมือนกัน บางวันหากประสงค์จะบวชไม่ได้จับมาบวชในทันทีทันใด บางแห่งมีการอบรมก่อนทำการบวช 3 วัน 3 คืน โดยนำเยาวชนที่จะเข้าโครงการบวชเรียนมาอยู่วัดก่อน จัดการอบรมให้ เริ่มตั้งแต่การกราบการไหว้ มีการท่องบทสวด สอนให้รู้จักระเบียบ การครองตัว การครองผ้าเหลือง การครองความเป็นสมณะ ให้เกิดความพอดี พองาม ก่อนที่จะบวชนั้นจะให้ได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ตามที่หวังนั้นเป็นไปไม่ได้ ได้แค่ห้าถึงหกสิบเปอร์เซ็นต์นับได้ว่าเป็นการดียิ่งแล้ว” พระเทพปริยัติ กล่าว

“หลังจากนั้นก็จะทำการบวช เด็กที่ได้รับการบวชแล้วก็จะต้องให้กิน ให้อยู่ ให้อบรม ให้ศึกษาธรรมะ ในสถานที่ที่กำหนด กิจวัตรปฏิบัติเป็นประจำ ต้องตื่นนอนตั้งแต่เช้าก่อนตี 5 ตื่นมาสวดมนต์ทำวัตรเช้า จากนั้นจะออกบิณฑบาต กลับมาทำความสะอาดวัด ช่วงเวลา 9 โมงเช้า เริ่มการอบรมและนั่งสมาธิ บ่ายโมงเริ่มอบรมต่อจนถึงเย็น จากนั้นให้ให้เปลี่ยนอิริยาบถโดยให้ไปอาบน้ำ ตลอดระยะเวลาของการบวชต้องแบบนี้ตลอด จะเป็นช่วง 7 วัน 10 วัน บางทีก็ 1 เดือน บางแห่งอาจ 15 วัน แต่ว่าหลังจากระยะเวลาตามโครงการใครจะอยู่ต่อก็อยู่ได้ หรือจะบวชเรียนต่อจนถึง ป.6 เรียนต่อสายสามัญเพราะจะไม่เสียเวลา บางที่มีทุนการศึกษาให้ มีศรัทธาญาติโยมมารับเป็นเจ้าภาพ ถวายผ้าไตร ถือว่าลูกได้รับการอบรมด้วย บางคนไม่อยากจะลาสิกขาก็อยู่ในร่มกาสาวภัตต่อ” เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ แจง

“จากข้อมูลสถิติในแต่ละปีที่ผู้ปกครองนำลูกมาบวชน้อยลงกว่าแต่ก่อน เนื่องจากปัจจุบันครอบครัวมีการจำกัดบุตรมีได้ไม่เกิน 2 ถึง 3 คน บางคนไม่อยากบวชก็มี แต่ส่วนมากคนที่มาบวชจะเป็นชาวเขาและชาวไทยใหญ่ที่มาทำงานในเมืองไทยเรา จะนำลูกมาบวชที่อย่างที่วัดศรีโสดาฯ แต่คนไทยก็ยังมีอยู่บ้างเพราะจำกัดครอบครัว หากเทียบกับปีก่อนๆ ขณะนี้ลดลง 5 ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ทางวัดเจ็ดยอดฯ ไม่มีสถานที่สำหรับการบวช แนวโน้มการบวชเณรภาคฤดูร้อนอาจจะมีอยู่แต่จะลดลง แต่วัดถือได้ว่าเป็นสถานที่ขัดเกลาให้บุตรหลานของผู้ปกครองเป็นคนดี” พระเทพปริยัติ กล่าว
ด้าน พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ดร. (พระปลัด ดร.ดวงคำ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ประธานสงฆ์วัดโลกโมฬี จ.เชียงใหม่ กล่าวให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ ว่า กรณีที่มีคนบวชเรียนน้อยส่วนหนึ่งสังคมเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ความเจริญทางวัตถุถาโถมเข้าสู่สังคมเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ อย่างเชียงใหม่ มีห้างสรรพสินค้าเกิดขึ้นมากมายส่วนหนึ่งกลายเป็นแหล่งล่อใจให้เด็กหันหลังให้วัด หันหน้าเข้าห้างเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ที่มีห้างสรรพสินค้าน้อยกว่าขณะนี้มาก

พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ดร. กล่าวถึงโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนที่จะดำเนินการในปีนี้ ว่า ตลอดระยะเวลานับตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติมาจนถึงปัจจุบัน 70 พรรษา ในวันที่ 9 มิถุนายน 2559 พระองค์ท่านทรงสนพระราชหฤทัยในพระพุทธศาสนาและได้ทรงผนวชในพระพุทธศาสนา ทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภ์ และทรงเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก พระราชกรณียกิจและพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามีนานัปการ จะเห็นได้จากพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มีหมายกำหนดการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลตามพระราชประเพณี จึงเป็นการสมควรที่พสกนิกรทั้งปวงจะได้ดำเนินรอยตามเบื้องพระยุคลบาท พยายามศึกษาพระพุทธศาสนาให้ถึงแก่นแท้แห่งสารธรรมเพื่อน้อมนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันของตน

ในปีนี้ ทางวัดโลกโมฬีโดยความอุปถัมภ์ของ พระเดชพระคุณพระธรรมเสนาบดี รองเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จึงได้เห็นชอบให้พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ดร. นำพระสงฆ์สามเณรวัดโลกโมฬีและคณะศรัทธาวัดโลกโมฬีดำเนินการจัดโครงการ บรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ขึ้นในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม ถึงวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559 (โดยเมตตาบารมี พระธรรมเสนาบดี เป็นพระอุปัชฌาย์) เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ เพื่ออุทิศถวายแด่พระนางจิรประภามหาเทวีและอุทิศถวายแด่บูรพมหากษัตริย์ล้านนาทุกๆพระองค์ รวมถึงอดีตเจ้าอาวาสพระภิกษุสามเณรวัดโลกโมฬีในอดีต ตลอดจนเป็นการอุทิศส่วนกุศลถึงเจ้ากรรมนายเวรด้วย

พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ดร. กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในโครงการฯ ครั้งนี้ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา สร้างความตระหนักถึงประโยชน์การบรรพชาสามเณรในพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลายาวนานเป็นวัฒนธรรมอันดีงามที่สามารถขัดเกลา อุปนิสัย ยกระดับจิตใจของเยาวชนชาย ให้มีจิตใจอ่อนโยนด้วยการศึกษาปฏิบัติตามหลักธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา ซึ่งหากได้รับฝึกฝนอบรมจิตใจและสติปัญญา สามารถพัฒนาตนเอง ดำรงเป็นคนดีในสังคมได้ การให้เยาวชนชาย ใช้เวลาศึกษาอบรมและปฏิบัติธรรมทางพระพุทธศาสนาในช่วงปิดภาคเรียนนับเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม ให้แก่เยาวชนชายอันจะเป็นพลเมืองที่ดีของชาติต่อไป
สำหรับกิจกรรมในโครงการฯ ได้แก่ กิจกรรมหลักประกอบด้วยการศึกษาพระธรรม ปฏิบัติธรรม เจริญจิตภาวนา เจริญพุทธมนต์พระราชกุศลแด่สมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว , เจริญจิตภาวนา ในวันที่ 2 เมษายน 2559 ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี , นิมนต์พระสงฆ์ผู้ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัย รวมไปถึงพระเถรานุเถระ หน่วยงานราชการต่างๆ มาร่วมเป็นวิทยากร ในส่วนของกิจกรรมพิเศษประกอบด้วยการศึกษา อบรมจริยธรรมโดยเน้นเพื่อบำเพ็ญบุญในพระพุทธศาสนา ในช่วงกลางของการอบรมให้สามเณรกลับไปแสดงธรรมโปรด บิดา มารดา 1 คืน
โอกาสนี้ พระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ดร. จึงขอเจริญพรเชิญชวนผู้ปกครองได้ส่งบุตรหลานที่เป็นชายตั้งแต่ชั้น ป.5 ถึงชั้น ม.4 มาเข้าร่วมโครงการบวช(บรรพชา)สามเณรภาคฤดูร้อน พร้อมเชิญชวนศรัทธาสาธุชนรับเป็นเจ้าภาพในการบวชรูปละ 1,900 บาท หรือร่วมทำบุญตามจิตศรัทธา ทั้งนี้ยังสามารถรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลได้ในระหว่างวันที่ 28 มีนาคม ถึงวันที่ 12 เมษายน 2559 สำหรับวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน จะมีการทักษิณานุปทาน บวงสรวง และสืบชะตาหลวงแบบล้านนาประจำปีเพื่อถวายแด่บูรพาจารย์ ที่มีคุณูปการต่อวัดโลกโมฬีในอดีต เนื่องในวันครบรอบอายุวัฒนมงคลวันคล้ายวันเกิดของพระครูไพบูลเจติยานุรักษ์ ดร. จึงขอเชิญชวนทุกท่านได้เข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ตามกำหนดการดังกล่าว ติดต่อสอบถามได้ที่ประธานสงฆ์วัดโลกโมฬี 053-404039 และ 086-4203234 (ก่อนวันจัดโครงการฯ)

ร่วมแสดงความคิดเห็น