ภัยแล้งปีนี้น่าจะหนัก

กรณีที่่ นาย สมยศ แสงมณี ชลประทานจังหวัดพิจิตร ให้ช่าวว่า สถานการณ์ภัยแล้งจังหวัดพิจิตรทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากจังหวัดพิจิตรนั้นแม่มีแม่น้ำ 2 สายคือแม่น้ำยม และแม่น้ำน่านโดยเฉพาะลุ่มน้ำแม่น้ำยมนั้นไม่มีเขื่อนโดยเฉพาะช่วงนี้ไม่มีฝนตกไม่น้ำมาเติมทำ ให้แม่น้ำยมตั้งแต่อำเภอสามง่าม โพธิ์ประทับช้างบึงนาราง โพทะเล น้ำเริ่มแห้งขอดเป็นช่วงๆแห้งจนเห็นฝืนทรายท้องแม่น้ำ ชาวบ้านสามารถเดินข้ามหากันได้ซึ่งถือว่าวิกฤติเป็นอย่างมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทั้งระดับน้ำใต้ดิน ทั้งการเกษตร และอุปโภคบริโภคซึ่งอยาก ให้ ประชาชน ที่ มีน้ำในบ่อ หรือบ่อบาดาล ให้กักเก็บไว้ ต้องใช้อย่างประหยัด

ในส่วนแม่น้ำน่านนั้นมีเขื่อนหลักที่ระบายน้ำโดยมีเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนแควน้อย ซึ่งจังหวัดพิจิตรนั้นอยู่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ดังนั้นน้ำแม่น้ำน่านที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นการระบายน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคเป็นการรักษาระบบนิเวศน์ใน 2 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาขณะนี้น้ำในแม่น้ำน่านมีไม่ถึง 1-2 เมตรซึ่งทางชลประทานออกไปประชาสัมพันธ์ห้ามมีการสูบน้ำในแม่น้ำน่าน เพราะไม่มีน้ำเพียงพอเพื่อการเกษตร แต่การสูบน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคเท่านั้น

นายสมยศ กล่าวอีกว่า ในเขตชลประทานในจังหวัดพิจิตร มีพื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 3 แสน 7 หมื่นไร่โดยประมาณ ซึ่ง 3 แสนไร่นั้นมีผลกระทบในเรื่องการใช้น้ำทำนา ซึ่งในปีนี้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน จนถึงปัจจุบัน เราไม่ได้จัดสรรน้ำในพื้นที่ชลประทาน ซึ่งเกษตรกรจะได้รับผลกระทบ เพราะเกษตรกรไม่ได้รับน้ำจากชลประทาน เกษตรกรจะใช้น้ำจากบ่อน้ำตื้นเป็นส่วนใหญ่ เราได้ประชาสัมพันธ์ไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องน้ำ ก็ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ว่าจะทำอย่างไรที่เกษตรกรจะหันมาทำการเกษตรได้ โดยส่วนใหญ่เกษตรกรได้หันไปปลูกพืชน้ำน้อย

อย่างไรก็ตามขณะนี้เกษตรกรชาวนาในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ได้หันไปทำการเกษตร โดยการปลูกพืชน้ำน้อย เนื่องจากในหลายพื้นที่ ไม่มีน้ำทำนา ทำให้เกษตรกรหันมาปลูกผัก และเสริมอาชีพอื่นเพื่อทดแทนการทำนา ส่วนผลกระทบภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ขณะนี้มีพื้นที่กว่า 3 แสนไร่ที่ประสบปัญหาภัยแล้งน้ำไม่มีทำนา เนื่องจากชลประทานไม่ได้ให้สูบน้ำเข้าพื้นที่ชลประทาน อ่านต้องบอกว่า ภัยแล้งปีนี้น่าเป็นห่วงจริงๆ

ร่วมแสดงความคิดเห็น