เที่ยวธรรมชาติที่ “ถ้ำแก้วโกมล”

DSC_8039 DSC_8062 จังหวัดแม่ฮ่องสอน คลุมเครือสลัวรางอยู่ในความรู้สึกของผู้คน มิใช่เพียงเพราะแม่ฮ่องสอนล้อมรอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่ สลับกับเมฆหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี จนเมืองแห่งนี้ได้รับสมญาว่า “เมืองสามหมอก” แต่เนื่องจากเส้นทางสู่

แม่ฮ่องสอนในอดีต เต็มไปด้วยหนทางคดโค้ง ทำให้ผู้ขับขี่ยวดยานต้องพึงระวังเป็นอย่างมาก ส่งผลให้คนเดินทางมาเยือนเมืองแห่งนี้มีจำนวนน้อย ทว่าในปัจจุบันมีการก่อสร้างทางหลวงเพิ่มขึ้นหลายสาย ผนวกกับมีสายการบินจำนวนมากบินตรงสู่เมืองสามหมอก ที่ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเต็มไปด้วยความสนุกสนาน สะดวกสบาย ปลอดภัยและใช้เวลาไม่นาน

DSC_8102

ด้วยเหตุแห่งความยากลำบากของการเดินทาง ดูเหมือนทำให้แม่ฮ่องสอนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ชาวแม่ฮ่องสอนที่ประกอบด้วยผู้คนหลากหลายเผ่า วิถีชีวิตอันเรียบง่ายมีวัฒนธรรมประเพณีที่แตกต่างกัน แทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ยิ่งไปกว่านั้นทั่วทั้งแผ่นดินของแม่ฮ่องสอนยังเต็มไปด้วยความรุ่งเรืองในอดีต ที่สืบเนื่องยาวนานหลายทศวรรษ ทั้งวัดวาอารามและวัตถุสถานต่าง ๆ ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ทุกหนแห่งตราบเท่าทุกวันนี้
วิถีชีวิตของผู้คน วัฒนธรรมประเพณี ธรรมชาติอันแปลกตา ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่ในแม่ฮ่องสอนจนกลายสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนเมืองแห่งนี้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นโถงถ้ำอันตระการตา น้ำพุร้อน ทะเลหมอก ขุนเขาอันสลับซับซ้อนและสายธารน้อยใหญ่ ได้กลายเป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้แม่ฮ่องสอน เป็นศูนย์รวมของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ขึ้นชื่อที่สุดของประเทศ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ได้แต่ปรารถนาที่จะเดินทางมาเยี่ยมเยือนและใช้ช่วงชีวิตแสนสุขในดินแดนแห่งนี้มากยิ่งขึ้น

แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ขึ้นชื่อแห่งหนึ่งของแม่ฮ่องสอนจนได้รับการบันทึกในหนังสือท่องเที่ยว (Unseen in thailand) ที่ว่ากันว่ามีความสวยงาม แปลกมหัศจรรย์นั้นก็คือ “ถ้ำแก้วโกมล” ในเขตอำเภอแม่ลาน้อย ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่วนอุทยานแก้วโกมล แต่เดิมถ้ำนี้มีชื่อว่า “ถ้ำผลึกแคลไซค์แม่ลาน้อย” ซึ่งห้างหุ้นส่วนจำกัด พีวี ซัลพลายส์ ได้รับสัมปทานทำเหมืองแร่ฟลูออไรต์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ยมฝั่งซ้าย

DSC_8074

ถ้ำแก้วโกมล ถูกค้นพบโดยวิศวกรประจำสำนักงานทรัพยากรธรณี จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2536 ภายในถ้ำเต็มไปด้วยผลึกแคลไซค์ ตั้งแต่บริเวณผนัง พื้น และเพดานของถ้ำ ผลึกที่พบมีรูปร่างลักษณะที่แตกต่างกันหลายแบบ จับตัวกันเป็นกลุ่มก้อนดูค้ลายปะการัง ดอกกระหล่ำ เกล็ดน้ำแข็ง ดอกเข็มและโคมไฟ เพดานมีสีขาวใส ถือว่าเป็นถ้ำแคลไซค์ที่มีความสมบูรณ์สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย

ปี 2538 กรมทรัพยากรธรณี ได้ทำการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยได้ดำเนินการกันพื้นที่บริเวณรอบ ๆ ถ้ำรัศมี 200 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 51 ไร่เศษ ออกจากเขตสัมปทานเหมืองแร่ กระทั่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2540 ประกาศให้เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ ภายใต้การดูแลของกรมป่าไม้ จนปี 2543 จึงได้จัดตั้งเป็นวนอุทยานถ้ำแม่ลาน้อย โดยมีการส่งมอบถ้ำผลึกแคลไซค์แม่ลาน้อยระหว่างกรมทรัพยากรธรณีและกรมป่าไม้ไปเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2543

หนึ่งปีต่อมาเมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรถ้ำแม่ลาน้อยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2544 ได้ทรงพระราชทานนามถ้ำแห่งนี้ว่า “ถ้ำแก้วโกมล” รวมทั้งได้ทรงพระราชทานนามชื่อห้องต่าง ๆ ภายในถ้ำแก้วโกมล ซึ่งมีทั้งหมด 5 ห้อง อันได้แก่ ชั้นที่ 1 ห้องพระทัยธาร ชั้นที่ 2 ห้องวิมานเมฆ ชั้นที่ 3 ห้องเฉกหิมพานต์ ชั้นที่ 4 ห้องม่านผาแก้ว ชั้นที่ 5 ห้องเพริศแพร้วมณีบุปผา

นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางมาชมความสวยงามของธรรมชาติถ้ำแก้วโกมล ต่างร่ำลือถึงความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ไว้ หลายคนจึงให้สมญาถ้ำแห่งนี้ว่า “ถ้ำน้ำแข็ง” ซึ่งมาจากผลึกแคลไซค์ที่มีรูปร่างคล้ายกับเกร็ดน้ำแข็งใส
ด้วยเหตุแห่งความมหัศจรรย์นี้เอง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้ประกาศให้ถ้ำแก้วโกมลเป็นหนึ่งใน Unseen in thailand โดยได้จัดทำหนังสือคู่มือเที่ยวไทยตามโครงการ “40 เส้นทางท่องเที่ยว Unseen” กำหนดเส้นทางพันโค้งสู่ถ้ำน้ำแข็ง 1 ใน 3 แห่งของโลก

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้าไปสัมผัสความสวยงามและมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ “ถ้ำแก้วโกมล” สอบถามรายละเอียดได้ที่ วนอุทยานถ้ำแก้วโกมล บ้านห้วยมะไฟ หมู่ที่ 14 ต.แม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน 0-1961-8848 หรือที่ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน 0-5361-2982-3

จักรพงษ์ คำบุญเรือง
[email protected].

ร่วมแสดงความคิดเห็น