ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์

b.2ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เผยข้อมูลโครงการที่อยู่อาศัยภาคเหนือ ชี้โครงการที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ พบบ้านจัดสรรอยู่ระหว่างขายกว่า 1.7 หมื่นหน่วย มูลค่ากว่า 2.6 หมื่นล้าน และคอนโดมิเนียมกว่า 7,000 หน่วย มูลค่ารวมกว่า 2.3 หมื่นล้าน ส่วนจังหวัดเชียงราย มีโครงการบ้านจัดสรรซึ่งอยู่ระหว่างการขาย 35 โครงการ รวมกันประมาณ 3,000 หน่วย มูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท ส่วนจังหวัดพิษณุโลกมีโครงการอยู่ระหว่างการขาย เป็นบ้านเดี่ยวร้อยละ 60 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท ขณะที่จังหวัดตาก พบทาวน์เฮาส์และอาคารพาณิชย์พักอาศัยมีราคาสูงกว่าบ้านเดี่ยวเนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ใน อำเภอแม่สอดเกือบทั้งหมดซึ่งเป็นอำเภอการค้าเขตชายแดน

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์จัดสัมนา “วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยภาคเหนือ” ณ โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา โดยนายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ นำเสนอข้อมูลผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยล่าสุดในพื้นที่ดังกล่าวประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก ตาก

โดย ข้อมูลที่นำมาจากการสำรวจภาคสนามของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 โดยเป็นข้อมูลของโครงการที่อยู่ระหว่างการขายเฉพาะโครงการที่มีหน่วยเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 หน่วยจังหวัดเชียงใหม่มีโครงการบ้านจัดสรรซึ่งอยู่ระหว่างการขาย 159 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมกันประมาณ 17,300 หน่วย (เทียบกับปีก่อนหน้ามี 145 โครงการ หน่วยในผัง 14,900 หน่วย เหลือขายประมาณ 6,200 หน่วย)

แบ่งตามพื้นที่ พบว่าโครงการบ้านจัดสรรกระจายอยู่ใน 4 อำเภอหลัก คือ อำเภอสันกำแพง 34 โครงการ มีหน่วยในผัง 4,260 หน่วย (เหลือขาย 2,130 หน่วย) อำเภอเมืองเชียงใหม่ 33 โครงการ 2,930 หน่วย (เหลือขาย 1,220 หน่วย) อำเภอสันทราย 31 โครงการ 2,860 หน่วย (เหลือขาย 890 หน่วย) และอำเภอหางดง 30 โครงการ 3,750 หน่วย (เหลือขาย 1,530 หน่วย) นอกจากนี้ยังมีอยู่ในอำเภอสารภี 14 โครงการ 1,780 หน่วย (เหลือขาย 710 หน่วย) อำเภอดอยสะเก็ด 11 โครงการ 1,030 หน่วย (เหลือขาย 310 หน่วย) และอำเภอแม่ริม 6 โครงการ 660 หน่วย(เหลือขาย 260 หน่วย)

แบ่งตามประเภท พบว่าเป็นประเภท พบว่าเป็นประเภทบ้านเดี่ยวมากที่สุดมีร้อยละ 70 ของหน่วยบ้านจัดสรรทั้งหมดทาวน์โฮมมีร้อยละ 9 อาคารพาณิชย์มีร้อยละ 7 บ้านแฝดมีร้อยละ 5 ที่เหลือเป็นที่ดินเปล่าจัดสรร โดยสัดส่วนบ้านเดี่ยวลดลงจากร้อยละ 77 ในปีก่อนหน้า

บ้านเดี่ยวและอาคารพาณิชย์พักอาศัยส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบ้าน บ้านแฝดและทาวส์เฮ้าท์ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2-3 ล้านบาท

ในภาพรวมมีบ้านเดี่ยวเหลือขายประมาณ 4,630 หน่วยจากหน่วยในผัง 12,090 หน่วย ทาวเฮ้าส์เหลือขายประมาณ 580 หน่วยจากหน่วยในผัง 1590 หน่วย อาคารพาณิชย์พักอาศัยเหลือขายประมาณ 590 หน่วยจากหน่วยในผัง 1,240 หน่วย และบ้านแฝดเหลือขายประมาณ 520 หน่วยจากหน่วยในผัง 830 หน่วย

สำหรับสถานะของการก่อสร้างหน่วยในผังโครงการทั้งหมด พบว่าร้อยละ 58 เป็นหน่วยก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 15 เป็นหน่วยซึ่งอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ส่วนอีกร้อยละ 27 เป็นหน่วยที่ยังไม่เริ่มสร้าง ทั้งนี้ มีบ้านจัดสรรสร้างเสร็จเหลือขายรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 1,460 หน่วย

ผู้ประกอบการซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 12 ของจำนวนโครงการ และร้อยละ 13 ของจำนวนหน่วยทั้งหมด โดยผู้ประกอบการรายใหญ่(รวมบริษัทในเครือ) จากส่วนกลาง ได้แก่ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ศุภาลัย ควอซิตี้เฮ้าส์พกฤษาเรียลเอสเตท แสนสิริ

มีโครงการอาคารชุดซึ่งอยู่ระหว่างการขาย 53 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมกันประมาณ 7,660 หน่วย มูลค่าโครงการรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 23,580 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 3,280 หน่วย มูลค่าหน่วยเหลือขายรวมประมาณ 10,340 ล้านบาท (เทียบกับปีก่อนหน้ามี 59 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมกันประมาณ 8,400 หน่วย เหลือขายประมาณ 3,100 หน่วย)

แบ่งตามพื้นที่ พบว่าจากหน่วยในผังโครงการอาคารชุดทั้งหมด อยู่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่มากถึง 46 โครงการ มีหน่วยในผัง 6,790 หน่วย เหลือขาย 2,840 หน่วย อยู่ในอำเภอสันทราย 3 โครงการ 550 หน่วย เหลือขาย 270 หน่วย อยู่ในอำเภอหางดง 2 โครงการ 180 หน่วย เหลือขาย 110 หน่วย ที่เหลือกระจายอยู่ในอำเภอแม่ริม (1 โครงการ) และสารภี (1 โครงการ)

จากจำนวนหน่วยในผังโครงการทั้งหมด เป็นห้องชุดแบบหนึ่งห้องนอนมากกว่าร้อยล่ะ 67 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2-3 ล้านบาท เป็นแบบสองห้องนอนร้อยละ 16 เป็นห้องชุดแบบสตูดิโอร้อยละ 15 ที่เหลือเป็นแบบสามห้องนอนขึ้นไป
ในภาพรวม มีห้องแบบสตูดิโอเหลือประมาณ 2,110 หน่วยจากหน่วยในผัง 5,140 หน่วย แบบสองห้องนอนเหลือขายประมาณ 520 หน่วยจากหน่วยในผัง 1,260 หน่วย และแบบสามห้องนอนขึ้นไปเหลือขายประมาณ 80 หน่วยจากหน่วยในผัง 110 หน่วย

สำหรับสถานะของการก่อสร้างหน่วยในผังโครงการทั้งหมด พบว่าเป็นหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 44 เป็นหน่วยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างร้อยละ 51 และเป็นหน่วยที่ยังไม่ก่อสร้างร้อยละ 5 โดยจากหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มีเหลือขายประมาณ 1,000 หน่วย (โดยพบว่าหน่วยก่อสร้างแล้วเสร้จมีเพิ่มมากกว่าปีที่แล้วซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 36 หน่วย อยู่ในระหว่าก่อสร้างลดลงจากปีที่แล้วซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 58 และหน่วยที่ยังไม่เริ่มสร้างลดลงจากปีที่แล้วซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 6 แสดงว่ามีโครงการอาคารชุดที่ลงเสาเข็มก่อสร้างในระหว่างปีมากขึ้นและก่อสร้างเสร็จมากขึ้น)

ผู้ประกอบการซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีส่วนแบ่งการตลาดเพียงร้อยละ 11 ของจำนวนโครงการ แต่มีจำนวนหน่วยมากถึงร้อยละ 20 ของจำนวนหน่วยทั้งหมด โดยผู้ประกอบการรายใหญ่(รวมบริษัทในเครือ) จากส่วนกลาง ได้แก่ ศุภาลัย แลนด์แอนด์เฮ้าส์ควอลิตี้เฮ้าส์ ชาญอิสระ เอ็นซีเฮ้าส์ซิ่ง

ในประเภทบ้านพักตากอากาศหรือวิลล่า นับเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบเชิงเขาที่มีราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป และส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ขายให้กับชาวต่างชาติ หรือให้เช่าระยะยาว พบว่ามีโครงการบ้านพักตากอากาศซึ่งอยู่ระหว่างการขาย 2 โครงการ มีหน่วยในผังรวมประมาณ 65 หน่วย ขายได้แล้วเพียงประมาณ 20 หน่วย

ในขณะที่จังหวัดเชียงราย มีโครงการบ้านจัดสรรซึ่งอยู่ระหว่างการขาย 35 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมกันประมาณ 3,000 หน่วย มีมูลค่าโครงการตามหน่วยในผังรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 5,500 ล้านบาท (เทียบกับปีก่อนหน้ามี 37 โครงการ 3,100 หน่วย เหลือขายประมาณ 1,800 หน่วย)

สำหรับสถานะของการก่อสร้างหน่วยในผังโครงการทั้งหมด พบว่าร้อยละ 58 เป็นหน่วยก่อสร้างแล้วเสร็จ ร้อยละ 15 เป็นหน่วยซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ส่วนร้อยละ 27เป็นหน่วยที่ยังไม่เริ่มสร้าง ทั้งนี้มีบ้านจัดสรร สร้างเสร็จเหลือขายรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 1460 หน่วย

ผู้ประกอบการซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 12 ของจำนวนโครงการและร้อยละ 13 ของจำนวนหน่วยทั้งหมด โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ (รวมบริษัทในเครือ) จากส่วนกลางได้แก่ แลนด์แนด์เฮ้าส์ศุภาลัย ควอลิตี้เฮ้าส์ พฤกษาเรียลเอสเตท แสนสิริ

มีโครงการอาคารชุดซึ่งอยู่ในระหว่างการขาย 53 โครงการ มีหน่วยในผังโครงการรวมกันประมาณ 7660 หน่วย มูลค่าของโครงการรวมกันทั้งสิ้น ประมาณ 23,580 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 3,280 มูลค่าหน่วยเหลือขายรวม ประมาณ 10,340ล้านบาท (เทียบกับปีก่อนหน้านี้ 59โครงการ มีหน่วยในผังโครงการ รวมกันประมาณ 8,400 หน่วย เหลือขายประมาณ 3,100 หน่วย)

แบ่งตามพื้นที่พบว่าจากหน่วยในผังโครงการอาคารชุดทั้งหมดอยู่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ มากถึง 46 โครงการ มีหน่วยในผัง 6,790หน่วย เหลือขาย 2,840 อยู่ในอำเภอสันทราย 3 โครงการอำเภอสันทราย 550 หน่วย เหลือขาย 270 หน่วย อยู่ในอำเภอหางดง 2 โครงการ 180 หน่วย เหลือขาย 110 หน่วย ที่เหลือกระจายอำเภอแม่ริม 1 (โครงการ) และสารภี 1 (โครงการ)

จากจำนวนหน่วยในผังโครงการทั้งหมด เป็นห้องชุดแบบหนึ่งห้องนอนมากถึงร้อยละ 67 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2-3 ล้านบาท เป็นแบบ 2 ห้องนอนร้อยละ 16 เป็นห้องชุดแบบสตูดิโอ ร้อยละ 15 ที่เหลือเป็น 3 ห้องนอนขึ้นไป
ในภาพรวมมีห้องแบบสตูดิโอเหลือขายประมาณ 570 หน่วย จากหน่วยในผัง 1,150 หน่วย แบบหนึ่งห้องนอนเหลือขายประมาณ 2,110 หน่วย จากหน่วยในผัง 5,140หน่วย แบบ 2 ห้องนอนเหลือขายประมาณ 520 หน่วย จากหน่วยในผัง 1,260 หน่วย และเป็นแบบ 3 ห้องนอนขึ้นไปเหลือขายประมาณ 80 หน่วย จากหน่วยในผัง 110 หน่วย
สำหรับสถานะของการก่อสร้างหน่วยในผังโครงการทั้งหมด พบว่าเป็นหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ร้อยละ 44 เป็นหน่วยที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างร้อยละ 51 และเป็นหน่วยที่ยังไม่ได้ก่อสร้างร้อยละ 5 โดยจากหน่วยที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ มีเหลือขายประมาณ 1,001 หน่วย (โดยพบว่าหน่วยก่อสร้างแล้วเสร็จมีเพิ่มมากกว่าปีที่แล้ว ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 36 หน่วย อยู่ในระหว่างก่อสร้างลดลงจากปีที่แล้วซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 58 และหน่วยที่ยังไม่เริ่มสร้างลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 6 แสดงว่ามีโครงการอาคารชุดที่ลงเสาเข้มก่อสร้างในระหว่าปีมากขึ้นและก่อสร้างเสร็จมากขึ้น
ผู้ประกอบการซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีส่วนแบ่งการตลาดเพียงร้อย 11 ของจำนวนโครงการ แต่มีจำนวนหน่วยมากถึงร้อยละ 20 ของจำนวนหน่วยทั้งหมด โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ (รวมบริษัทในเครือ)จากส่วนกลางได้แก่ ศุภลัย แลนด์แอนด์เฮ้าส์ควอลิตี้เฮ้าส์ ชาญอิสระ เอ็นซีเฮ้าส์ซิ่งในประเภทบ้านพักต่างอากาศหรือวิลล่า นับเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวราบเชิงเขาที่มีราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป และส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ขายให้กับชาวต่างชาติ หรือให้เช่าระยะยาว พบว่ามีโครงการบ้านพักตากอากาศ ซึ่งอยู่ระหว่างการขาย 2 โครงการ มีหน่วยในผังรวมประมาณ 65 หน่วย ขายได้แล้วเพียง 20 หน่วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น