พายุร้อนกระหน่ำ-กระทบหลายพื้นที่

Screen Shot 2559-04-10 at 5.58.01 PM
พายุฤดูร้อน ซัดกระหน่ำหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ ลมกรรโชกแรงจนบางจุดได้รับความเสียหายโชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ ด้านเจ้าหน้าที่เร่งแก้ไข และให้ความช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบแล้ว ขณะที่การเกิดพายุส่งผลให้หมอกควันที่ปกคลุมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มเบาบางลง ด้านอุตุฯ เหนือเตือนรับมือตลอดช่วงสัปดาห์นี้ ส่วนที่จังหวัดน่านพายุถล่มอุโมงค์ต้นไม้พังยับ กีดขวางการจารจรรถติดยาวกว่า 2 กิโล หลังคาบ้านราษฏรปลิวว่อนหายกว่า 10 หลังคาเรือน

เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 9 เม.ย.59 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่หลายจุดของจังหวัดเชียงใหม่ ได้เกิดพายุฟดูร้อนซัดกระหน่ำอย่างรุนแรง ส่งผลให้มีต้นไม้โค่นล้มจำนวนมาก และทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับมีลูกเห็นตกลงมาในหลายจุด นอกจากนี้พายุฝนที่พัดกระหน่ำ ทำให้มีต้นไม้และกิ่งไม้หักโค่นทับรถยนต์ที่จอดอยู่ตามริมทางและใต้ต้นไม่เสียหายหลายจุดด้วยเช่นกัน โดยภายหลังจากที่พายุดังกล่าวสงบ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยและทางเทศบาล ต่างเร่งดำเนินการสำรวจเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วน ขณะเดียวกันที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วงตึงเฒ่า อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พายุฤดูร้อนก็ได้พัดกระหน่ำอย่างหนักประกอบกับมีลูกเห็บตกนานเกือบ 1 ชั่วโมง ส่งผลให้ซุ้มร้านค้าของบรรดาผู้ประกอบการที่ขายของในพื้นที่ดังกล่าวได้รับความเสียหายไปเป็นจำนวนมาก แต่ขณะเดียวกันพายุฝนดังกล่าวกลับเป็นผลดีที่ทำให้หมอกควันที่ปกคลุ่มอย่างหนาแน่นในเชียงใหม่ลดลงไปบ้าง อีกทั้งยังทำให้อากาศชุ่มชื้นขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้ การเกิดพายุฝนพัดถล่มอย่างหนัก ส่งผลให้ อำเภอรอบนอก อย่าง อ.หางดง ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลหารแก้ว ความเสียหายเบื้องต้นลำไยประมาณ 50 ต้น หลังคากระเบื้องราษฎรเสียหายบางส่วน ประมาณ 30 หลังและพื้นที่หมู่ที่ 6 ต.ขุนคง มีบ้านราษฎรได้รับความเสียหาย 3 หลัง ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทางอำเภอหางดงได้เข้าสำรวจและรายงานเบื้องต้นให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว
โดยทางด้าน นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากได้รับรายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นจากพายุฤดูร้อนในครั้งนี้ก็ได้มีการสั่งกา ให้ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ปภ.ชม. /อำเภอ/อปท. สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ในเบื้องต้น พายุฤดูร้อนใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงได้สงบ ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจและแก้ไขระบบไฟฟ้า จนสำเร็จ และดำเนินการกับต้นไม้ที่ล้มใส่รถยนต์ของชาวบ้านได้รับความเสียหาย รวมทั้งป้ายโฆษณาต่าง ๆ ซึ่งการเกิดพายุฝนฟ้าคะนองในครั้งนี้ มีประกาศเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ โดยจะมีอากาศร้อนโดยทั่วไปและมีอากาศร้อนจัดบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ สุโขทัย เพชรบูรณ์ และกำแพงเพชร กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-42 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ขณะที่ทางด้าน นายเมธี มหายศนันท์ ผู้อำนวยการ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า ลักษณะอากาศทั่วไปในช่วงนี้ หย่อมความกดอากาศต่ำ เนื่องจากความร้อนจะปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในบางช่วง ประกอบกับจะมีลมใต้ และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทยและประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าวโดยทั่วไปกับมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุดประมาณ 40 – 44 องศาเซลเซียสโดยจะมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ โดยในเดือนนี้คาดว่าปริมาณฝนส่วนใหญ่จะต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อยและอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติ ในเดือนเมษายนมีโอกาสสูงที่จะเกิดพายุฤดูร้อนโดยจะมีลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนและ เรือกสวนไร่นาได้ แต่ปริมาณฝนที่ตกอาจจะไม่เพียงพอต่อการเพิ่มน้ำในการอุปโภคและบริโภครวมทั้งการใช้น้ำทางด้านเกษตรกรรม ประชาชนจึงควรวางแผนการใช้น้ำให้ได้ประโยชน์สูงสุดโดยเฉพาะพื้นที่แรงซ้ำซาก
นอกจากนี้ ในบางช่วงสภาพอากาศจะแห้งมาก และความชื้นสัมพัทธ์ต่ำ เอื้ออำนวยต่อการเกิดอัคคีภัยและไฟป่าได้จึงขอให้ระมัดระวังการใช้เชื้อเพลิงในการทำกิจกรรมต่างๆในระยะนี้ ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือนเมษายนมักจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำก่อตัวขึ้นบริเวณทะเลอันดามันซึ่งอาจทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุหมุนเขตร้อน(พายุไซโคลน) โดยมีแนวโน้มการเคลื่อนตัวทางทิศเหนือ ค่อนไปทางตะวันออก และเข้าใกล้ด้านตะวันตกของประเทศไทยซึ่งจะทำให้ภาคเหนือภาคกลาง และภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น จึงควรติดตามข่าวการพยากรณ์อากาศประจำวัน จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะเดียวกัน จากการเกิดพายุโหมกระหน่ำในพื้นที่เมืองเชียงใหม่ ได้ทำให้ปริมาณค่าฝุ่นละออง และปัญหาหมอกควันที่กำลังวิกฤติอยู่ในขณะนี้เริ่มทุเลาลงและส่งผลให้สภาพอากาศในพื้นที่เริ่มสดใน สามารถมองเห็นทัศนวิสัยได้ดี ซึ่งผิดกับเมื่อประมาณ 2-3 วัน ก่อนที่เกิดปริมาณหมอกควันในอากาศปกคลุมไปทั่วน่านฟ้า อีกทั้งปัญหาดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยจากการติดตามรายงานค่าปริมาณหมอกควันในอากาศขณะนี้ได้กลับมาอยู่ในภาวะปกติแล้ว อย่างไรก็ตามทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งป้องกันและเตรียมการรับมือภายหลังพายุฤดูร้อนได้พัดผ่านไปเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาวิกฤติหมอกควันซ้ำอีกกระรอกในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยง่า ในเวลาต่อมาทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการตรวจสอบและรายงานความเสียหายภายหลังการเกิดเหตุพายุฤดูร้อนในครั้งนี้ ซึ่งพบว่า พื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ มีสถานที่ราชการได้รับความเสียหายจากต้นไม้หักโค่นได้แก่ อบจ. กกต. สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ เสาไฟสัญญาณจราจร และบริเวณแยกสนามกีฬา 700 ปี เกิดหม้อแปลงระเบิดหลายจุด ส่งผลให้ไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ ขณะที่รอบอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่าหลังคาปลิวได้รับความเสียหายหลายแห่ง รวมทั้งรถยนต์ถูกต้นไม่โค่นทับ ส่วนในนพื้นที่ อ.สันทราย เกิดหม้อแปลงระเบิด สัญญาณไฟจราจรดับในหลายจุด อ.แม่ริม พื้นที่ ต.ดอนแก้ว ต้นไม้หักโค่น อ.แม่วาง พื้นที่เสียหายในหมู่ 6,9,11,19 ต.แม่วิน เสียหายประมาณ 50 กว่าครัวเรือน อ.หางดง ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.หารแก้ว ความเสียหายเบื้องต้น ลำไยประมาณ 50 ต้น หลังคากระเบื้องราษฎรได้รับความเสียหาย 3 หลัง อ.แม่อาย พื้นที่ ต.บ้านหลวง เสียหายประมาณ 6 ครัวเรือน ส่วนที่ โรงพยาบาลนครพิงค์มีต้นไม้หักโค่นทับรถยนต์ / กีดขวางทางจราจร ภายในบริเวณโรงพยาบาล อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินการสั่งการให้หน่วยงานเร่งให้ความช่วยเหลือจุดที่ได้รับความเสียหายต่อไป
ในวันเดียวกันนี้ ที่จังหวัดน่าน ถนนสาย น่าน –ทุ่งช้าง กม. 10 ที่บ้านผาสิงห์ หมู่ 4 ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน บริเวณหน้าแขวงการทางน่าน – ช่วงบริเวณอุโมงค์ต้นไม้ ได้เกิดพายุฝนพัดรุนแรงถล่มหมู่บ้านและบริเวณช่วงบริเวณอุโมงค์ต้นไม้ ได้มีต้นไม้หักพังยับ กีดขวางทางจารจร รถติดทั้ง 2 ฝั่งยาวกว่า 2 กิโลเมตร รถไม่สามารถผ่านได้ จนท.แขวงทางหลวงน่านที่ 2 ,จนท.กู้ภัย อบต.ผาสิงห์ , ทหาร พร้อมกับชาวบ้านเกือบ 50 คน ต่างช่วยกันเร่งใช้เลื่อยเครื่องยนต์ พร้า และอุปกรณ์ที่หาได้ ช่วยกันตัดต้นไม้ที่ล้มขวางถนนอยู่เพื่อเปิดทางให้กับรถ สัญจรไปมาให้สามารถเดินทางได้ใช้เวลาประมาณ เกือบ 2 ชม. จึงสามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้
นอกจากนี้ได้มีบ้านเรือนราษฎรเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน ได้มีต้นไม้ หักโค่นล้มพาดสายไฟฟ้าแรงสูงบริเวณ ที่หน้าแขวงทางหลวงน่านที่ 2 ตรงจุดกางเต็นท์หน่วยบริการประชาชน ส่วนทางด้านกระแสไฟฟ้าที่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้านั้นตัดเพื่อป้องกันการช๊อตระหว่างปฏิบัติหน้าที่นั้น ทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าคาดการว่า น่าจะใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงในการแก้ไขเบื้องต้นเพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้ไฟฟ้าให้ได้ก่อน และค่อยดำเนินการปรับปรุงแก้ไขอีทีในวันรุ่งขึ้น
ทางด้านนายสมคิด แหวนคำ ที่ใช้เส้นทางนี้อยู่เป็นประจำ และ เพิ่งนำลูกไปหาหมอมาแล้วมาพบเจอเหตุการณ์นี้ กล่าวว่า น่าจะมีการปรับปรุงแต่กิ่งให้มีความปลอดภัยกว่านี้ และให้หน่วยงานต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องอุโมงต้นไม้ด้วยว่า จะดำเนินการต่อไปอย่างไร และชาวบ้านบ้านผาสิงห์ รายหนึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ลมมายุนั้นมาเร็วมาพัดทีเดียวทำให้เกิความเสียหายมากมาย ตรงอุโมงค์ต้นไม้นั้นต้นไม้ลมระเนระนาด ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งมาปรับปรุงดูแลและพิจารณาต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น