นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในการประชุมคณะทำงาน การเตรียมการจัดการแข่งขันลีกเยาวชน โดยมี “บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.ต.ท.พิสันต์ จุลดิลก เลขาสมาคมฯ และคณะกรรมการเข้าร่วม ที่ห้องประชุมชั้น7 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก
ภายหลังจากประชุม “บิ๊กเสือ” นายสกล วรรณพงษ์ กล่าวว่า โครงการจัดการแข่งขันลีกเยาวชน จะแบบออกเป็น 4 รุ่น คือ 13 , 15, 17 และ 19 ปี รูปแบบในการจัดการแข่งขันจะอิงลีกภูมิภาคดิวิชั่น2 โดยจะจัดแข่งเป็น 8 โซนทั่วประเทศ แต่ละโซนจะมีทีมไม่เกิน10 ทีม ซึ่งถาดโซนใดทีมสมัครเกินจะมีการแข่งขันเพลย์ออฟ แข่งระบบเหย้า-เยือน คัดเอาอันดับ 1-2 ของแต่ละภาคไปแข่งขันรอบแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งจะมี 18ทีม แข่งแบบเหย้า-เยือนเพื่อหาแชมป์ต่อไป
“แชมป์โซนจะได้รังเงินรางวัล 1 แสนบาท ส่วนแชมป์ระดับประเทศจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท ทั้งนี้ในการให้การสนับสนุนช่วงแรกเบื้องต้นจะขออนุมัติงบประมาณจากคณะกรรมการกองทุนพัฒนากีฬาชาติ ในวันที่ 28 เมษายนนี้ เป็นเงิน 160 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินจัดการแข่งขันทั้ง 4 รุ่น 70 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสนับสนุนทีมเยือน เกมละ 1 หมื่นบาท และเงินจัดการแข่งขันทั้งระบบ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถเปิดการแข่งขันได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้”
“เริ่มแรกแต่ละโซนอาจจะมีทีมไม่ครบ 10ทีม แต่จะพยายามขอความร่วมมือแต่ละทีมในลีกส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันอย่างน้อย 1-2 รุ่น และค่อยๆขยายในปีต่อๆไป ทั้งนี้ทีมที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันสามารถยื่นใบสมัครได้ที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งแต่บัดนี้ – เดือนมิ.ย.นี้”
ขณะที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เปิดเผยว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ทั้ง 3 องค์กร กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การกีฬาแห่งประเทศไทย และ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ร่วมมือกันพัฒนาฟุตบอลไทย โดยโครงการนี้ เป็นของผู้ว่าการ คิดและอยากจะทำให้ลีกเยาวชนเกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นการพัฒนาทั้งระบบอย่างแท้จริง เนื่องจากในภูมิภาคมีช้างเผือกมากมายที่ต้องการเวทีในการพัฒนาฝีเท้า เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นส่วนเติมเต็มในนามทีมชาติต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เข้าพบกับตัวแทนอดีตนักฟุตบอลเยาวชนทีมชาติไทย ที่ห้องรับรอง ชั้น 1 กกท. หัวหมาก โดยภายหลังการหารือ พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า ตัวแทนอดีตทีมชาติไทยได้เข้ามาพูดคุยเรื่องการให้ความสำคัญการอดีตทีมชาติ ซึ่งตรงตามแนวทางนโยบายของตนอยู่แล้ว และเตรียมจะดูแลด้วยการตั้งกองทุนอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และเตรียมจัดที่นั่งไว้ให้อดีตทีมชาติได้เข้าชมฟุตบอลที่สมาคมฯ จัดขึ้นด้วย
“นอกจากนี้ตนได้พุดคุยกับตัวแทนสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย ซึ่งได้เข้ามาบอกเล่าเรื่องตราสัญลักษณ์ของทีมชาติไทย เดิมทีเป็นตราพระมหามงกุฎ ซึ่งรัชกาลที่ 6 พระราชทานไว้ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นธงชาติไทย พ.ศ.2475 และเป็นโลโก้ปัจจุบัน โดยเขาระบุว่าตราปัจจุบันถือว่าไม่ถูกต้อง ซึ่งหากอะไรที่ไม่ถูกต้องตนก็จะมีการเปลี่ยนแปลงโดยยึดหลักความถูกต้อง และอาจนำตราพระมหามงกุฎมาเป็นตราสัญลักษณ์อีกครั้งในวาระครบรอบ 100 ปีของสมาคมฟุตบอลฯ ด้วย”
ร่วมแสดงความคิดเห็น