รัฐฯสั่งเพิ่ม ความคุ้มครอง พ.ร.บ.ประสพภัย

b6 w=4.5h=6

รัฐเพิ่มคุ้มครองพ.ร.บ.ค่ารักษาเป็น 8 หมื่น ตาย-พิการ 3 แสน “สุทธิพล” ย้ำคลุมทุกกรมธรรม์ทั้งที่ซื้อไปก่อนหน้าและที่จะซื้อใหม่หลังจากนี้ แนะค่ายประกันมองวิกฤติเป็นโอกาสเรียกความเชื่อมั่น ถ้าอุบัติเหตุลด สินไหมลด แถมเพิ่มความคุ้มครองจูงใจรถเลี่ยงประกันเข้าระบบ นายกวินาศภัยแจงค่ายประกันรับสภาพได้ แม้สินไหมพุ่งอย่างต่ำปีละพันล้าน เชื่อเฟสสองขึ้นเบี้ยจยย.100 บาทแน่ ชงลดเงินสมทบ บริษัทกลางฯ ช่วยพยุง จับตา! สงครามแข่งจ่ายคอมมิสชั่นซา

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงผลการปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 หรือประกันภัยรถภาคบังคับรอบใหม่ล่าสุด ก็ได้ข้อสรุปจะเพิ่มความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจาก 50,000 บาท เป็น 80,000 บาท กรณีเสียชีวิตจาก 200,000 บาท เป็น 300,000 บาท โดยไม่ปรับเบี้ยประกันภัยรถจักรยานยนต์ที่เคยเสนอขอขึ้นอีก คันละ 100 บาท ซึ่งคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ (บอร์ด คปภ.) อนุมัติหลักการนี้แล้ว ในเบื้องต้นทาง คปภ.ต้องการจะให้ความคุ้มครองใหม่นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 นี้เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นของขวัญปีใหม่ไทยกับประชาชน

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ.เปิดเผยว่า ในการประชุมกับผู้บริหารบริษัทประกันวินาศภัยทุกแห่งเมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ได้แจ้งให้ทราบถึงคำสั่งนายทะเบียนเรื่องวงเงินความคุ้มครองใหม่ของประกันภัยพ.ร.บ. จะให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ ดังนั้น เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน กรมธรรม์ประกันภัยที่ซื้อไปก่อนหน้านี้และความคุ้มครองยังไม่สิ้นสุดจะขอความร่วมมือให้บริษัทประกันภัยปรับวงเงินความคุ้มครองให้เป็นไปตามความคุ้มครองใหม่ด้วย

“เป็นลักษณะขอความร่วมมือกับ ทุกบริษัทเพราะหากไม่ปรับความคุ้มครองในกรมธรรม์เก่าก็เป็นไปได้ที่ผู้เอาประกันอาจจะยกเลิก กรมธรรม์และไปทำกับบริษัทใหม่ก็ได้ก็อาจจะเสียลูกค้า การเพิ่มความคุ้มครองโดยไม่เพิ่มเบี้ยอาจจะทำให้บริษัทแบกภาระเพิ่มขึ้นแต่ก็เป็นโอกาสที่จะเรียกความเชื่อมั่นกลับมาเพราะเป็นการทำเพื่อประชาชน ในทางกลับกันหากมีการรณรงค์ลดอุบัติเหตุบนท้องถนนมากขึ้นจะทำให้สินไหมลดลงได้ อีกทั้งคนที่เลี่ยงทำประกันพอเห็นความคุ้มครองเพิ่มขึ้นแต่ไม่ต้องจ่ายเบี้ยเพิ่มขึ้นอาจจะหันกลับมาทำประกันทำ ให้จำนวนกรมธรรม์เพิ่มขึ้น เบี้ยก็เพิ่มขึ้นด้วย”

ด้าน นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า การเพิ่มความคุ้มครองคงต้องให้คลุมทุกกรมธรรม์เพราะคนที่ได้ประโยชน์คือผู้บริโภคทุกคน โดยในส่วนของธุรกิจประกันวินาศภัยต้องแบกรับรายจ่ายจากค่าสินไหมทดแทนประกันภัยพ.ร.บ.ที่เพิ่มขึ้น เบื้องต้นประเมินไว้ที่ประมาณ 10% หรือ 1,000 ล้านบาทเศษ ซึ่งสาเหตุที่ไม่ปรับเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นเพราะทางเลขาธิการมองว่าช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี ไม่อยากให้เป็นภาระกับผู้มีรายได้น้อย อีกทั้งเห็นว่าควรจะขยับค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยการเสียชีวิตให้เพิ่มขึ้นให้สอดรับกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งตามแผนเดิมที่จะให้เพิ่มความคุ้มครองไปถึง 500,000 บาทเลยก็แรงไป ยิ่งไม่ให้ขึ้นเบี้ยด้วยแล้วยิ่งหนัก ต้องให้ธุรกิจประกันภัยมีเวลาปรับตัวระยะหนึ่ง

“การปรับปรุงประกันภัยพ.ร.บ จะทำเป็นเฟสๆ โดยเฟสแรกคือ การเพิ่มความคุ้มครองครั้งล่าสุดนี้ เฟสที่สองจะเป็นการปรับเบี้ยรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นอีกคันละ 100 บาท ตามที่ศึกษาไว้ก่อนหน้านี้บนเงื่อนไขที่จะ เพิ่มความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพถาวรเป็น 500,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลเป็น 100,000 บาท โดยเฟสที่สองน่าจะเริ่มได้ 2 ปีหลังจากนี้คือ ภาคธุรกิจคงจะแบกรับความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นไปได้อีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี เพราะหลังจากนั้นจะเริ่มขาดทุนจะนำไปสู่การปรับเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้น”

นายกสมาคมฯ กล่าวว่า บริษัทที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ บริษัท กลางคุ้ม-ครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ซึ่งรับประกันภัยรถจักรยานยนต์อยู่และไม่ได้เบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้น อาจจะเริ่มขาดทุนเพราะรถจักรยาน-ยนต์มีสถิติเกิดอุบัติเหตุสูงสุด ดังนั้น ทางสมาคมฯ จะเสนอคปภ.ขอลดเงินสมทบที่บริษัทประกันวินาศภัยทุกแห่งที่ขายประกันภัยพ.ร.บ. ต้องจ่ายให้กับริษัทกลางฯ ลง 5% จากปัจจุบันจ่ายให้อยู่ 12.25% เหลือ 7.25% เพื่อลดภาระบริษัทประกันวินาศภัยทุกแห่งที่จะมีค่าสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้นด้วยให้พออยู่ได้ ไม่ขาดทุนมาก ซึ่งการลดเงินสมทบบริษัทกลางฯ ลงอีก 5% ก็ไม่กระทบกับบริษัทกลางฯ มากเช่นกัน อย่างที่บอกถ้าในอนาคตขาดทุนเยอะก็ต้องปรับเบี้ยรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น

“ผมเชื่อว่าการเพิ่มความคุ้มครองจะทำให้การแข่งขันจ่ายค่าคอมมิสชั่นประกันภัย พ.ร.บ.ที่จ่ายกันสูงๆ ต้องปรับลดลงไม่อย่างนั้นอยู่ไม่ได้เพราะ Loss Ratio เพิ่มขึ้นเยอะ”

นายนพดล สันติภากรณ์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัทกลางฯ เปิดเผยว่า กำลังประเมินอยู่ว่าจะกระทบอย่างไรบ้าง เพราะมีเรื่องกระบวนการคำนวณค่ารักษาพยาบาลด้วย มีผลกระทบแน่นอนจากค่าสินไหมที่เพิ่มขึ้น แต่ส่วนหนึ่งบริษัทกลางฯ ก็ยังมีเงินสมทบจากบริษัทประกันวินาศภัยอยู่

“เรารู้อยู่แล้วว่าสินไหมต้องเพิ่มก็ต้องควบคุมบริหารจัดการด้านอื่นๆ ให้มากขึ้น รวมไปถึงลดการเกิดอุบัติเหตุ”
นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนชาตประกันภัย กล่าวว่า การปรับเพิ่มความคุ้มครองโดยไม่เพิ่มเบี้ยกระทบต่ออุตสาหกรรมโดยรวมแน่นอน ทำให้ต้นทุนสินไหมเพิ่มขึ้น ในเบื้องต้นประเมินกันว่าจะเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งในตลาดมีรถจดทะเบียนอยู่ประมาณ 15-16 ล้านคันนั้น ทำประกันพ.ร.บ. ประมาณ 80% อยู่ที่กลยุทธ์ของแต่ละบริษัทมุ่งเน้นขยายตลาดนี้มากน้อยแค่ไหน หากขยายเยอะหรือขายประกันพ.ร.บ.เพียวๆ จะได้รับผลกระทบเยอะ
สำหรับธนชาตประกันภัยต้องบริหารจัดการเช่นกัน โดยบริษัทไม่ได้เน้นขายประกันภัยพ.ร.บ.อย่างเดียว ขายพ่วงไปกับประกันภาคสมัครใจ ดังนั้น แม้ Loss Ratio จะขยับขึ้นมากแต่ไม่มาก ไม่กระทบเยอะ

นายคมสัน ทองตัน รองกรรมการ ผู้จัดการ บมจ.สยามซิตี้ประกันภัย เปิดเผยว่า การเพิ่มความคุ้มครองประกันภัยพ.ร.บ. กระทบสินไหมของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยกำลังหารือกับตัวแทน นายหน้าจะปรับลดค่าคอมมิสชั่นลงมาหรือให้ช่วยคีย์ข้อมูลลูกค้าให้เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนในการออกกรมธรรม์เยอะมาก แหล่งข่าวจากบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งกล่าวว่า ปัจจุบันในตลาดยังแข่งขันกันจ่ายค่าคอมมิสชั่นประกันภัยพ.ร.บ. สูงอยู่ บางบริษัทให้ถึง 50% เทียบที่กฎหมายกำหนดให้จ่ายแค่ 12% คงจะต้องปรับลดลงเพื่อลดผลกระทบจากสินไหมที่เพิ่มขึ้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น