ห้ามเลี้ยงปลา ในลำน้ำปิง ขู่ปรับวันละ1หมื่น แม่งัดแห้งแล้งยังลาม วอนช่วยประหยัดน้ำ

16798_thaihealth_adhjoprz3568ประมงจังหวัดเชียงใหม่ ระบุ ยังมีลักลอบเลี้ยงปลากระชังในลำน้ำปิงต่อเนื่อง เตือนผู้ฝ่าฝืนเลี้ยงปลากระชังในลำน้ำสาธารณะ โดยไม่ขออนุญาตให้ถูกต้อง มีโทษปรับตั้งแต่ 1 หมื่น ถึง 1 แสนบาท และปรับวันละ 1 หมื่นบาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน ด้านจังหวัดเชียงใหม่ขอร้องผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วน ให้ปฏิบัติตามแผนบริหารจัดการน้ำที่จังหวัดได้ขอความร่วมมืออย่างเคร่งครัด แม้จะมีฝนตกลงมาในช่วงวัน-สองวัน แต่ปริมาณน้ำในเขื่อนก็ไม่ได้เพิ่มมากขึ้น

วันที่ 1 พ.ค.59 นายภาณุวิชญ์ กันทะ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สำนักงานประมงจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์การเลี้ยงปลาในกระชังในลำน้ำปิง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มีการลักลอบเลี้ยงกันมาโดยตลอด ที่ผ่านมาสำนักงานประมงจังหวัดเชียงใหม่ได้ไปเร่งรัดให้เกษตรกรจับปลาเพื่อป้องกันความเสียหาย เนื่องจากภัยแล้ง ซึ่งมีเกษตรกรที่เลี้ยงให้กับบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์จับไปแล้ว 109 กระชัง ผลผลิต 60,220 กิโลกรัม เลี้ยงให้กับบริษัท ส.ล้านนา 526 กระชัง, ฟาร์มวาริน 289 กระชัง และเกษตรกรที่เลี้ยงทั่วไป 78 กระชัง จำนวนเกษตรกร 1,002 ราย จากผู้เลี้ยงทั้งหมดในฤดูแล้ง 1,197 ราย คงเหลือที่ยังไม่ได้จับอีก 195 กระชัง และมีบางส่วนที่เห็นว่าชลประทานเชียงใหม่ยังปล่อยน้ำลงแม่น้ำปิงจึงแอบนำปลาเล็กมาอนุบาลเลี้ยงต่อไป

ซึ่งขณะนี้กรมประมง ได้ออกประกาศด่วนที่สุด ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชัง ในลำน้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ตามห้วย หนอง คลอง บึง ต้องขออนุญาตจากกรมประมง ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2558 หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับวันละ 1 หมื่นบาท ทั้งนี้ พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2558 มีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2558 ตามมาตรา 175 แห่ง กำหนดให้ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ให้ไปยื่นคำขอรับใบอนุญาต ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ประมง ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน ถึง 11 พฤษภาคม 2559 ที่สำนักงานประมงจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานประมงอำเภอ ในเขตพื้นที่ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หากพ้นระยะเวลาที่กำหนดจะไม่สามารถเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินได้อีกต่อไป และหากมีผู้ผ่าฝืนจะมีความผิด มีโทษปรับตั้งแต่ 1 หมื่นบาท ถึง 1 แสนบาท และปรับวันละ 1 หมื่นบาทตลอดระยะเวลาที่มีการฝ่าฝืน

ขณะที่ทางด้าน นายมงคล สุกใส รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากการที่ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่งัด ซึ่งเป็นเขื่อนหลักของจังหวัดเชียงใหม่ สำหรับใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคตลอดช่วงหน้าแล้งนี้ ลดระดับลงมาก การระบายน้ำลงในแม่น้ำปิงเพื่อนำไปช่วยอำเภอดอยหล่อ และอำเภอจอมทองที่อยู่ท้ายน้ำ อัตราการไหลของน้ำจึงช้ากว่าปกติ จึงจำเป็นต้องขอร้องให้ผู้ใช้น้ำเพื่อการเกษตรทุกเหมืองฝายตลอดแม่น้ำปิง ได้ปิดประตูระบายน้ำ ตั้งแต่เย็นวันศุกร์ เพื่อให้น้ำสามารถไหลไปยังอำเภอท้ายน้ำ ให้มีน้ำใช้อย่างไม่เดือดร้อน และจะอนุญาตให้เปิดใช้พร้อมกันในเที่ยงวันพุธที่ 4 พฤษภาคม 2559

ทั้งนี้ เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการปล่อยน้ำตามรอบเวรที่ 18 เหลือน้ำที่ต้องบริหารจัดการอีก 8 สัปดาห์ หรือ 8 รอบเวร จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วนให้เข้าใจปัญหาความเดือดร้อน และดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำที่จังหวัดและชลประทานเชียงใหม่ดำเนินการอย่างเคร่งครัด เพื่อผ่าวิกฤตไปพร้อมกัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า แม้จะมีฝนตกลงมาบ้างในช่วงวัน สองวันนี้ แต่ก็ยังมีปริมาณไม่มากพอที่จะเพิ่มน้ำในอ่างหรือเขื่อนหลัก และยืนยันให้ปฏิบัติตามแผนบริหารจัดการน้ำตามเดิมอย่างเคร่งครัด ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคน้ำ น้ำเพื่อการประปา และน้ำเพื่อการเกษตร ขอให้ประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัดจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย

ร่วมแสดงความคิดเห็น