ภัยแล้งลุกลามหนักขยายวงกว้างน้ำในเขื่อนวิกฤติ

https://youtu.be/vnka1NyVLHc

วันที่ 9 พ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์วิกฤติภัยแล้งที่ลุกลามเป็นวงกว้างไปทั่วทุกพื้นที่ ส่งผลให้จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ใกล้เคียงได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก โดยจากการบินสำรวจน้ำในเขื่อนแม่กวงและเขื่อนแม่งัด ซึ่งเป็นเขื่อนกักเก็บน้ำที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ ที่คอยกักเก็บและส่งน้ำให้ในพื้นที่ ซึ่งในขณะนี้ค่อนข้างจะแห้งขอดอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้แล้ว แม่น้ำปิง ที่เป็นแม่น้ำสายหลักของเมืองเชียงใหม่ ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยที่บริเวณสะพานนวรัฐ ในตัวเมืองเชียงใหม่ พบที่ระดับน้ำลดต่ำลงมากจนสันดอนทรายโผล่ขึ้นมากลางลำน้ำและเห็นโคนตอม่อของสะพานได้ชัดเจน ซึ่งนับว่าเป็นสภาพที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์ปัญหาภัยแล้งและปริมาณกักเก็บในเขื่อนสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ทั้งเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และเขื่อนแม่กวงอุดมธาราที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ต้องมีการบริหารจัดการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ที่ทำหน้าที่บริหารจัดการและระบายน้ำลงสู่แม่น้ำปิงเพื่อให้เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศน์ให้ได้จนผ่านพ้นช่วงปัญหา

S__8495123
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่ในวันนี้ (9 พ.ค.59) ซึ่งเป็นวันพืชมงคล ที่ตามปกติทุกปีบรรดาเกษตรกรมักจะถือเป็นโอกาสฤกษ์งามยามดีในการเริ่มทำการเพาะปลูกฤดูกาลใหม่ในพื้นที่ของตัวเอง อย่างไรก็ตามในปีนี้พบว่าเกษตรกรจำนวนมากไม่สามารถปฏิบัติเหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมาได้ ซึ่งสาเหตุสำคัญเป็นผลเนื่องมาจากสถานการณ์ภัยแล้งและขาดแคลนน้ำที่จะนำมาใช้เพื่อทำการเกษตร

S__8495117 ทั้งนี้จากการสำรวจพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะพื้นที่ทำนาในตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าพื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่ยังคงถูกปล่อยทิ้งให้ว่างเปล่า ไม่มีการทำการเพาะปลูกมานานพอสมควรแล้ว เห็นได้จากผืนดินที่แห้งแตกระแหงและวัชพืชที่ขึ้นปกคลุม แม้จะพบว่ามีที่นาบางแปลงมีร่องรอยเพิ่งทำการเก็บเกี่ยวไปไม่นาน แต่ขณะเดียวกันก็พบว่ามีที่นาหลายแปลงมีการปลูกข้าวไว้ แต่ปล่อยให้ต้นข้าวยืนต้นตายจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากสถานการณ์ความแห้งแล้งขาดแคลนน้ำและเป็นผลต่อเนื่องมาทำให้จนกระทั่งเวลานี้เกษตรยังไม่สามารถเริ่มทำการเพาะปลูกได้ตามปกติเหมือนทุกปีที่ผ่านมา

S__8495115ขณะที่จากการสอบถามชาวบ้านที่อยู่อาศัยในละแวกดังกล่าว บอกว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ในพื้นที่ไม่สามารถทำการเพาะปลูกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะการทำนา ตามที่ชลประทานขอความร่วมมือเนื่องจากน้ำในเขื่อนเหลือน้อยและมีจำกัด รวมทั้งแหล่งน้ำตามธรรมชาติก็เหือดแห้ง อย่างไรก็ตามมีเกษตรกรบางรายที่เสี่ยงทำนาเช่นกัน ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจากการที่ข้าวยืนต้นตายเพราะไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยง ส่วนเกษตรรายอื่นๆ ก็หันไปทำอาชีพเสริมหรือรับจ้างแทน จนกว่าจะเข้าฤดูฝนที่จะได้มีน้ำเพื่อทำการเกษตร ซึ่งปีนี้ฝนก็ตกน้อยและมาล่าช้ากว่าทุกปีอีก ทำให้ยังคงต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป โดยการเริ่มทำนาคงจะต้องล่าช้าออกไปกว่าทุกปีประมาณหนึ่งเดือน แต่หวังว่าในปีหน้าจะไม่มีภัยแล้งรุนแรงเหมือนปีนี้

ร่วมแสดงความคิดเห็น