ค้าปลีกไทย สะดุดตอหลังกำลังซื้อตกวูบ

สมาคมผู้ค้าปลีกไทย คาด ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกปีนี้โตเพียง 2.6% ต่ำสุดในรอบ 21 ปี หลังกำลังซื้อชะลอตัว วอนรัฐเร่งช่วยเหลือ

น.ส.จริยา จิราธิวัฒน์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกปีนี้ มีโอกาสตกต่ำต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าอาจเติบโตเพียง 2.6 % ต่ำสุดในรอบ 21 ปี จากปี 57 เติบโต 3.2% ต่ำสุดในรอบ 19 ปี จากนั้นปี 58 ก็ตกต่ำในรอบ 20 ปี ที่ 2.8% ทั้งนี้เพราะประสบปัญหากำลังซื้อชะลอตัว โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้ารายได้ระดับกลางลงไป เนื่องจากผลราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล ยังไม่ส่งผลชัดเจน ที่ส่วนใหญ่เน้นการสนับสนุนภาคการส่งออกและปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ กำลังซื้อจึงกดดันภาคอุตสาหกรรม เห็นได้จากไตรมาสแรกที่ผ่านมา ธุรกิจค้าปลีกโตแค่ 2.6%

ทั้งนี้ธุรกิจที่ตกต่ำที่สุด คือกลุ่มห้างไฮเปอร์มาร์เก็ต หรือห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น บิ๊กซี โดยยอดขายของร้านสาขาเดิมติดลบ แต่ธุรกิจโดยรวมยังโตได้ จากรายได้ของการขยายสาขาใหม่ รองลงมาคือร้านค้าสะดวกซื้อ เพราะกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้มีรายได้ระดับกลางลงไป ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก ขณะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต และซุปเปอร์มาร์เก็ตระดับสูง เป็น 2 ธุรกิจที่เติบโตดีที่สุด เพราะเจาะกลุ่มคนระดับกลางขึ้นไป

“ขอเสนอให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ และกระตุ้นการจับจ่ายผ่าน 5 นโยบาย ทั้งนโยบายกระตุ้นแบบระยะสั้น และยาว ได้แก่ การสร้างเมือท่องเที่ยวปลอดภาษี ชูจุดเด่นการชอปปิ้ง ผลักดันให้ไทยเป็นที่ท่องเที่ยว และชอปปิ้งยอดนิยมของชาวต่างชาติ ซึ่งขณะนี้ได้เสนอภาครัฐบาลให้นำร่องใน 10 เมืองยอดนิยมก่อน เช่น เชียงใหม่, พัทยา และนครราชสีมา รวมทั้งเพิ่มร้านค้าปลอดภาษีให้มีมากขึ้น ในสถานที่หลากหลาย พร้อมทั้งคืนภาษีได้เลยที่จุดขาย เพื่ออำนวยความสะดวก โดยเห็นว่าจะเป็นมาตรการสำคัญ และควรทำมากที่สุด เพราะเป็นการกระตุ้นในระยะยาว และเห็นผลต่อเนื่องชัดเจน” น.ส.จริยา กล่าว

ทั้งนี้หลังจากเคยสร้างความคึกคักให้กับธุรกิจค้าปลีกได้พอสมควรกับมาตรการช็อปช่วยชาติ แต่หลังจากมาตรการจบลง ผู้ประกอบการค้าปลีกคงต้องกลับมาอยู่กับความเป็นจริงอีกครั้ง เพราะปัญหาหลักจะยังอยู่ที่เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นกำลังซื้อของประชาชนยังน่าเป็นห่วง คือยังตกต่ำ ในขณะที่กลุ่มผู้บริโภคระดับบนก็ยังไม่มีอารมณ์จับจ่ายซื้อหาเพราะยังมีปัจจัยลบหลายอย่าง จึงต้องการเก็บเงินไว้เพื่้อรอดูสถานการณ์กันต่อไป