ผวจ.เร่งเยียวยา ผู้ประสพภัย โดนพายุถล่ม

ทหารช่วยชาวบ้าน (2)
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากวาตภัย ในพื้นที่ อ.สารภี หลังโดยพายุกระหน่ำบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่พื้นที่ อ.ฝาง ทหาร นพค 32 นำกำลังช่างช่วยซ่อมบ้านเรือนราษฎรที่ถูกลมพัดเสียหายหนัก ด้านอุตุฯ เหนือเตือนพื้นที่ภาคเหนือยังมีฝนตกต่อเนื่อง แจ้งประชาชนรับมือ ขณะที่ฝนตกลงมาในช่วงนี้ ทำให้มีน้ำไหลเข้า 2 เขื่อนหลักรวมกันแล้วเฉียด 4 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่งผลดีการบริหารจัดการในช่วงสถานการณ์แล้ง อย่างไรก็ตามระบุภาพรวมปริมาณน้ำยังเหลือน้อยและต้องบริหารจัดการอย่างเข้มงวด

วันที่ 20 พ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันลงพื้นที่สำรวจความเสียหายภายหลังจากเมื่อวันที่ 17 พ.ค.59 ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงขึ้น ในพื้นที่อำเภอสารภี ส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือน ทรัพย์สินของประชาชน และสิ่งสาธารณประโยชน์ เสาไฟฟ้าหักโค่น โดยมีความเสียหายในพื้นที่ 4 ตำบล ซึ่งที่ตำบลยางเนิ้ง หมู่ที่ 1 บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายจากต้นไม้หักโค่นใส่บ้านเรือน พายุพัดกระเบื้องมุงหลังคา ได้รับความเสียหายปานกลาง 60 หลังคาเรือน ตำบลท่าวังตาลได้รับความเสียหายปานกลาง 19 หลังคาเรือน ตำบลสารภีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายปานกลาง 12 หลังคาเรือน ส่วนที่ตำบลหนองผึ้งบ้าน เรือนราษฎรได้รับความเสียหายทั้งหลัง 8 หลังคาเรือน อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ได้รับความเสียหายทั้งหลัง 3 คูหา บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายปานกลาง 300 หลังคาเรือน เสาไฟฟ้าแรงสูงหักโค่น 10 ต้น รถยนต์ 12 คัน และต้นยางหักโค่นกีดขวางถนนในพื้นที่ 1 จุด
ทั้งนี้ อำเภอสารภี ได้บูรณาการการให้ความช่วยเหลือราษฎร ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และทหารจากกองพันพัฒนาที่ 3 เข้าให้ความช่วยเหลือ โดยได้นำเครื่องจักรหนัก ตัดต้นยางที่กีดขวางเส้นทางถนนสายเชียงใหม่-ลำพูนออก และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เร่งซ่อมแซมระบบไฟฟ้า สำหรับเทศบาลตำบลในพื้นที่ได้สนับสนุนกระเบื้องมุงหลังคาแจกจ่ายให้แก่ราษฎรที่ได้รับความเสียหาย รวมไปถึงเร่งสำรวจความเสียหายเพิ่มเติมเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
นอกจากนี้ จากการที่ลมพายุพัดบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ 324 หลัง เสียหายหนัก 64 ครัวเรือน และหนักมาก 3 ครัวเรือนที่บ้านต้นม่วง หมู่ที่ 3 ตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค.59 นั้น ภายหลังทางผู้ส่าราชการจังหวัด ได้สั่งการในพื้นนที่ให้ทาง สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับทางเทศบาลตำบลแม่ข่า ดำเนินการซ่อมแซมบ้านเรือนของประชาชนโดยด่วน และหลายหน่วยงานได้เข้ามาร่วมทำการช่วยเหลือประชาชนในการซ่อมแซมบ้าน
ขณะเดียวกัน ทางพันเอก อภิรัฏ รามนัฏ ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 32 ได้สั่งการให้ทหารช่างจำนวน 30 นายออกทำการช่วยเหลือประชาชนให้แล้วเสร็จ โดยเข้าช่วยในรายที่หนัก2 ครัวเรือนที่หลังคาบ้านหายไปทั้งหมด ซึ่งต้องใช้ช่างที่ชำนาญงานและมีทักษะอย่างแท้จริงเข้าทำการช่วยเหลือบ้าน นายปันแก้ว แก้วตา บ้านเลขที่ 533 และบ้านนายอำพล ทาผัด บ้านเลขที่ 44 บ้านต้นม่วง หมู่ที่ 3 ตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จนแล้วเสร็จ ในวันนี้เป็นวันวิสาขะบูชา ของทางพุทธศาสนา ทางทหารเข้าทำการกราบนมัสการเจ้าอาวาสวัดศรีบัวเงิน บ้านต้นม่วง หมู่ที่ 3 ตำบลแม่ข่า อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นศิริมงคลและรับศิลรับพร จึงได้ออกทำงานทำการซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนจนแล้วเสร็จและอย่างมีคุณภาพ เจ้าของบ้าน และนายณรงค์ จันตะมา ผู้ใหญ่บ้านได้ทำการขอขอบคุณทางทหารที่มาทำการช่วยเหลือจนแล้วเสร็จเป็นหลังสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม ทางด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ รายงานสภาพอากาศจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือว่า บริเวณภาคเหนือมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร ตาก และเพชรบูรณ์ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักในระยะนี้ด้วย โดยลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา พายุไซโคลน “โรอานู” (ROANU) บริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่างมีศูนย์กลางทางด้านตะวันออกของประเทศอินเดีย หรือ ที่ละติจูด 16.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 83.0 องศาตะออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือค่อนทางเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศบังคลาเทศและเมียนมาร์ในช่วงวันที่ 21-22 พ.ค.59 นี้
โดยจะส่งผลให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้ กำลังแรงพัดปกคลุมประเทศไทยทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ภาคเหนือตอนบน มีเมฆส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิสูงสุดวานนี้ วัดได้ 39.7 ซ.ที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะเดียวกันจากการที่ฝนตกลงมาในช่วงนี้ได้ส่งผลดีต่อปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำ และบรรเทาสถานการณ์ภัยแล้งได้บางส่วน โดยทาง นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการที่มีฝนตกในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ส่งผลดีทำให้มีน้ำไหลเข้ากักเก็บในอ่างเก็บน้ำต่างๆ มากขึ้น โดยในส่วนของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ในช่วงดังกล่าวมีน้ำไหลเข้าเขื่อนรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.6 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเฉพาะวันนี้มีน้ำไหลเข้าทั้งสิ้นประมาณ 1.4 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ในช่วงเดียวกันนั้น เขื่อนแม่กวงอุดมธารา มีน้ำไหลเข้าเขื่อนทั้งสิ้นประมาณ 940,000 ลูกบาศก์เมตร โดยการที่มีน้ำไหลเข้าเขื่อนดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นผลดีอย่างมากต่อการบริหารจัดการน้ำในช่วงสถานการณ์ภัยแล้ง อย่างไรก็ตามยังคงต้องมีการบริหารจัดการอย่างเข้มงวดต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
สำหรับสถานการณ์ปริมาณน้ำกักเก็บใน 2 เขื่อนหลักของจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และเขื่อนแม่กวงอุดมธารานั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 19 พ.ค.59 เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล มีปริมาณน้ำกักเก็บทั้งสิ้น 27 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 10 ของความจุอ่าง 265 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา ปริมาณน้ำทั้งสิ้น 24 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 9 ของความจุอ่าง 263 ล้านลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ในส่วนของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลนั้น ปริมาณน้ำกักเก็บดังกล่าว แบ่งเป็นปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนที่เหลือเป็นน้ำนอนก้นอ่าง ซึ่งยืนยันว่าปริมาณน้ำใช้การได้ดังกล่าวนั้น เพียงพอสำหรับบริหารจัดการส่งลงสู่แม่น้ำปิงเพื่อการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศน์ โดยเฉพาะเพื่อการผลิตน้ำประปาของเมืองเชียงใหม่ได้จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.59 เป็นอย่างน้อยตามแผนแน่นอน

ร่วมแสดงความคิดเห็น