ออมสินเตรียมผ่อนกฏกู้ สินเชื่อบ้านประชารัฐ

b3 w=9h=7
ยอดต่ำ ออมสิน-ธอส. อนุมัติสินเชื่อ “บ้านประชารัฐ” รวม 6.5 พันล้านบาท แจงปล่อยกู้ช้าติดข้อจำกัดเกณฑ์เข้มงวด เล็งถกคลังคลายเงื่อนไขดีเวลอปเปอร์ช่วยค่าโอน-จดจำนอง-ส่วนกลาง-ส่วนลด ด้าน ธอส.คาดทั้งปี?59 ปล่อยได้ 1 หมื่นล้าน

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันธนาคารมียอดปล่อยสินเชื่อโครงการบ้านประชารัฐ 3,000 ล้านบาท ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับวงเงินสินเชื่อที่รองรับ 20,000 ล้านบาท เนื่องจากสินเชื่อดังกล่าวมีหลักเกณฑ์ค่อนข้างเข้มงวด และมีข้อจำกัดทั้งเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดินและลูกค้าที่ขอสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์มาก่อนหน้าที่จะเริ่มโครงการบ้านประชารัฐซึ่งในทางปฏิบัติแล้วแบงก์ต้องอนุมัติสินเชื่อเก่าก่อนแล้วจึงจะปล่อยสินเชื่อให้รายใหม่
นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดด้านเงื่อนไขโครงการที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์(ดีเวลอปเปอร์) จะต้องจ่ายค่าโอน ค่าจดจำนอง และอื่น ๆ แทนลูกค้าด้วย ซึ่งดีเวลอปเปอร์ในต่างจังหวัดส่วนใหญ่ไม่ทราบข้อมูลนี้ ส่งผลให้ลูกค้าที่มาขอสินเชื่อหลายรายไม่ผ่านเกณฑ์ ส่วนในกรุงเทพฯจะมีดีเวลอปเปอร์ 2 รายใหญ่ที่ได้ประโยชน์ สะท้อนถึงการให้สินเชื่อโครงการบ้านประชารัฐยังไม่กระจายออกไปในทุกพื้นที่ สำหรับขณะนี้ผู้ที่ยื่นกู้ประมาณ 45% ของจำนวนผู้ยื่นกู้ทั้งหมด แต่คุณสมบัติไม่ตรงตามโครงการ และต้องตัดทิ้งไปถึงครึ่งหนึ่ง
“หากไม่แก้ไขปัญหาดังกล่าว การอนุมัติสินเชื่อก็จะล่าช้าต่อไป อย่างไรก็ดี ธนาคารได้เตรียมเข้าช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มที่ไม่เข้าเกณฑ์ให้ย้ายเข้าสู่โครงการสินเชื่อทั่วไปแล้ว ส่วนจะให้รัฐผ่อนคลายหลักเกณฑ์โครงการบ้านประชารัฐต่อจากนี้คงต้องมีการพูดคุย โดยจะต้องเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.)” นายชาติชายกล่าว
รายงานข่าวจากธนาคารออมสินว่า ข้อมูล ณ วันที่ 19 พ.ค. 59 ธนาคารอนุมัติสินเชื่อบ้านประชารัฐแล้ว 2,521 ราย เป็นวงเงิน 3,024 ล้านบาท จากที่มียอดแจ้งความจำนงขอสินเชื่อทั้งสิ้น 25,837 ราย เป็นวงเงิน 27,220 ล้านบาท
ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ขณะนี้ (19 พ.ค.) มีผู้ติดต่อขอสินเชื่อโครงการบ้านประชารัฐแล้ว 26,000 ล้านบาท และเข้าสู่กระบวนการพิจารณาสินเชื่อและอนุมัติไปแล้วจำนวน 3,500 ล้านบาท ซึ่งในปี 2559 นี้ ธอส.ตั้งเป้าหมายว่าจะอนุมัติให้ได้ 10,000 ล้านบาท
“โครงการสินเชื่อบ้านประชารัฐเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและอยู่บนเงื่อนไขบ้านหลังแรก ดังนั้น ลูกค้าที่จะเข้ามาจึงต้องใช้เวลาพอสมควร ส่วนประเด็นที่จะผ่อนเกณฑ์ที่เป็นมติ ครม.น่าจะเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะโครงการนี้เป็น “ประชารัฐ” ที่ต้องให้เอกชนมีส่วนร่วม” นายฉัตรชัยกล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น