วัดเจดีย์หลวง เก็บค่าเข้าชม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประกาศจากวัดเจดีย์หลวง วรวิหาร ลงนามโดยพระราชเจติยาจารย์ เจ้าอาวาส โดยมีข้อความระบุว่า วัดเจดีย์หลวงฯมีความจำเป็นต้องเก็บค่าบำรุงสถานที่จากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ
เนื่องจากปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เดินทางเข้ามาเที่ยวชมศาสนาสถานภายในวัด เป็นจำนวนมาก ทางวัดมีการควบคุมดูแล บริหารจัดการที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนถึงต้องบูรณะปรับปรุงสถานที่ อยู่สม่ำเสมอเพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว

ในงานมีรายได้ส่วนหนึ่งจากการเก็บค่าเช่าที่จำหน่ายสินค้า ในงานใส่ขันดอกฯทุกๆปี

โดยคิดเป็นรายบุคคล คนละ 40 บาท โดยจะเริ่มทำการเก็บค่าบำรุงสถานที่ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2559 เป็นต้นไป จากการตรวจสอบภายในบริเวณวัดฯซึ่งขณะนี้มีการจัดงานประเพณีไส่ขันดอกอินทขิล งานประจำปีบูชาเสาหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองช่วง 1-8 มิถุนายนนี้ มีการจัดตั้งตู้ยาม ประจำเส้นทางภายในวัด ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำจุด ดูแลความเรียบร้อย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สลับสับเปลี่ยนมาอำนวยการดูแลความปลอดภัยตามแหล่งท่องเที่ยว

ภายในวัดมีการสร้างศาสนสถาน ทั้งอาคารเรียนสร้างใหม่ และการปรับปรุงอาคารเดิมที่มีอยู่ จนเกือบเต็มพื้นที่
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามสำนักพระพุทธศาสนา เชียงใหม่ กรณ๊การเก็บค่าเข้าชมวัดนั้น ได้รับการชี้แจงว่า ปกติตามแหล่งท่องเที่ยว ในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ,จีน ,เวียดนาม ก็มีการเก็บค่าเข้าชม เป็นปกติ เพื่อนำรายได้มาบูรณะปฏิสังขรณ์วัด ในส่วนบ้านเราอาจจะเป็นเรื่องใหม่จึงค่อนข้างแปลกไปบ้าง

ต้องมองในแง่การใช้จ่ายบริหารจัดการวัด เพราะลำพังเงินบริจาค เงินรายได้จากการสงเคราะห์ตามระเบียบต่างๆมีน้อย แต่ต้องพิจารณาความเหมาะสม

ด้านผู้ประกอบการนำเที่ยว ในจังหวัดเชียงใหม่ แสดงความคิดเห็นต่อการเก็บค่าเข้าชมว่า ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไร เพราะเข้าใจความจำเป็นของแต่ละวัดที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปเป็นจำนวนมาก ต้องมีค่าใช้จ่าย    ในการจัดหาสิ่งอำนวยความสดวก เช่น ห้องสุขา การจัดเก็บขยะ เป็นต้น

ทั้งนี้มีข้อแนะนำว่า วัดที่มีความงดงาม ในความเป็นประวัติศาสตร์คงคู่เมืองนั้นไม่ควร มีสิ่งปลูกสร้างอะไรมากนักเพราะจะสูญเสียความทรงคุณค่าไป บางวัดแทบมีสภาพราวกับรีสอร์ท มีมุมห้องอาหารร้านกาแฟ ร้านจำหน่ายสินค้า มีการทุบกำแพงวัด จัดล๊อคแบ่งพื้นที่ เพื่อร้านค้าของที่ระลึก แบบนั้นก็ไม่เหมาะสม ในหลายๆแห่งที่เชียงใหม่ก็เริ่มมีแบบนี้เป็นจำนวนมาก